เมื่อพูดถึง AI (Artificial intelligent) หรือปัญญาประดิษฐ์แล้ว คุณพ่อคุณแม่อาจให้ความสนใจ เพราะนอกจากจะเป็นเทคโนโลยีใหม่แล้ว AI ยังมีบทบาทในชีวิตประจำวัน ช่วยอำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะในการทำงานหลาย ๆ อาชีพ AI ถือว่ามีความแม่นยำกว่ามนุษย์มาก
ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็มีความกังวลกันว่าในอนาคต บางสายอาชีพอาจถูก AI เข้ามาทำงานแทนที่ทำให้มนุษย์มีโอกาสหางานยากมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่ออนาคตของลูกเราได้เช่นกัน
แต่ในความเป็นจริงแล้ว AI เป็นหนี่งในเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มผลผลิตหรือประสิทธิภาพการทำงานให้มนุษย์ หากเรารู้เท่าทัน และเตรียมลูกให้พร้อมรับมือกับเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เราก็จะเลี้ยงลูกแบบแม่ Gen อนาคต ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ลูกเราก็พร้อมในทุก ๆ สถานการณ์
ช่วงแรกเกิดถึง 3 ขวบปีแรก สมองของเด็กจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและพัฒนาไปได้สูงสุดถึง 80% ของสมองผู้ใหญ่ และตั้งแต่แรกคลอดเด็กทารกจะมีเซลล์สมองอยู่ประมาณ 1 แสนล้านเซลล์ แม้ไม่มีการสร้างเพิ่มเติมอีกแต่เราสามารถช่วยสร้างการขยายเครือข่ายของเซลล์และจุดเชื่อมประสาทได้โดยให้ลูกได้รับโภชนาการที่ดีและการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม
กุมารแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กแนะนำคุณแม่ควรให้ลูกกินนมแม่อย่างเดียวถึง 6 เดือน และควรกินต่อเนื่องไปจนลูกอายุ 2 ปี หรือนานกว่านั้น ควบคู่กับอาหารตามวัยที่เหมาะสม เพราะในนมแม่มีสารอาหารที่สำคัญที่ช่วยเสริมการทำงานของสมองให้ฉับไว ส่งผลต่อสติปัญญา ความฉลาด และการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ใหม่ ๆ นอกจากนี้การให้ลูกได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เหมาะสมตามวัย พ่อแม่ลูกได้เล่นใกล้ชิด โอบกอด มีปฏิสัมพันธ์กัน ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ก็สำคัญต่อการพัฒนาสมองของลูกรวมถึงช่วยปูพื้นฐานทักษะสมองขั้นสูงให้ลูกพร้อมเติบโตเข้าสู่สังคมในอนาคตได้
มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่า สฟิงโกไมอีลิน เป็นไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิดที่พบในเยื่อหุ้มเซลล์ประสาทในสมอง และพบมากในนมแม่ และผลิตภัณฑ์นม ครีม ชีส สฟิงโกไมอีลินมีบทบาทในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งเป็นส่วนที่ห่อหุ้มเส้นใยประสาท เมื่อเส้นใยประสาทมีปลอกไมอีลินห่อหุ้มในปริมาณมาก จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาท ทำให้สมองส่งสัญญาณประสาทได้เร็วแบบก้าวกระโดด ยิ่งสมองมีการส่งสัญญาณได้เร็ว การทำงานของสมองเด็กก็จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขวบปีแรก ซึ่งเป็นช่วงเวลาทองของการพัฒนาสมองลูก ทำให้ลูกเกิดการจดจำและการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ไว รู้จัก คิด วิเคราะห์ มีไหวพริบ เฉลียวฉลาด สามารถแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ไว
ทักษะสมองขั้นสูง เป็นกระบวนการทางความคิดระดับสูงของสมองส่วนหน้า ที่เกี่ยวข้องกับความคิด ความรู้สึก และการกระทำ เด็กที่ได้ฝึกทักษะนี้เป็นประจำจะเกิดกระบวนการคิดที่เป็นเหตุเป็นผล รู้จักคิดเป็น ทำเป็น เรียนรู้เป็น แก้ปัญหาเป็น และรู้จักปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข สามารถจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกได้ดี ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคปัญหา และมีความมุ่งมั่นจนนำไปสู่ความสำเร็จนั่นเอง
คือความสามารถในการเก็บข้อมูล ประมวล และดึงข้อมูลที่เก็บในคลังสมองออกมาใช้ตามสถานการณ์ที่ต้องการ คุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกความจำเพื่อกระตุ้นการใช้งานสมองของลูกผ่านกิจกรรม เช่น ร้องเพลง ท่องบทกลอนที่มีคำคล้องจอง เล่นบัตรคำ หรือ Flash card อ่านนิทานให้ลูกฟัง แล้วชวนพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือตั้งคำถามจากเรื่องที่อ่าน แล้วให้ลูกขบคิดหาคำตอบ เป็นต้น
คือการยืดหยุ่นความคิด สามารถปรับเปลี่ยนความคิดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ยืดหยุ่นพลิกแพลงเป็น เห็นทางออกใหม่ ๆ และคิดนอกกรอบได้
แม้ AI จะถูกตั้งโปรแกรมให้ปรับเปลี่ยนได้ แต่ในบางสถานการณ์ AI ไม่สามารถปรับตัวได้เฉพาะเจาะจงหรือปรับได้ทันทีในขณะที่มนุษย์เรามักเจอการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดฝันตลอดเวลา ขณะเดียวกันหากถูกฝึกให้ยืดหยุ่นทางความคิดตั้งแต่เด็ก เราสามารถปรับตัวได้โดยไม่ต้องมีใครเซตโปรแกรมให้เลย เพราะระบบถูกติดตั้งมาตั้งแต่เล็ก ๆ
โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกทักษะนี้ให้ลูกผ่านกิจกรรมเสริมพัฒนาการตามวัย การเล่นบอร์ดเกม เล่นดนตรี เล่นบทบาทสมมติ หรือการสร้างสถานการณ์ให้ลูกได้แก้ปัญหา หรือฝึกคิดวางแผนบ่อย ๆ จะช่วยให้ลูกเกิดทักษะยืดหยุ่นทางความคิด
การยั้งคิด และควบคุมแรงปรารถนาของตนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จนสามารถหยุดยั้งพฤติกรรมได้ในกาลเทศะที่สมควร เป็นความสามารถในการทนต่อสิ่งยั่วยุทางอารมณ์ รู้จักยั้งคิดไตร่ตรอง สามารถควบคุมความต้องการ หยุดคิดก่อนที่จะกระทำได้
แม้ว่า AI จะมีระบบวิเคราะห์ข้อมูลที่แม่นยำ แต่ยังไม่มีความสามารถในเรื่องการแสดงอารมณ์ AI ยังไม่มีความเข้าใจเรื่องความรู้สึกนึกคิดที่ซับซ้อน เช่น ความสัมพันธ์หรือความเห็นอกเห็นใจกัน ดังนั้นการฝึกลูกให้รู้จักควบคุมอารมณ์ รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เป็นอีกหนึ่งทักษะที่คุณพ่อคุณแม่จะฝึกลูกให้พร้อมรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้
โดยกิจกรรมฝึกการควบคุมและยับยั้งตนเอง เช่น ปั้นแป้งโดว์ ต่อเลโก้ ต่อจิ๊กซอว์ ต่อบล็อก ควบคู่ไปกับการสอนลูกให้รู้จะอดทนรอคอย สอนให้เข้าคิว เป็นต้น
เพราะอนาคตคาดเดาไม่ได้ อาจจะมีอาชีพใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย จนพ่อแม่ยุคเราตามไม่ทัน ดังนั้นการจะปั้นลูกให้เติบโตไปประสบความสำเร็จ พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต นอกจากพ่อแม่จะรู้เท่าทันเทคโนโลยีแล้ว ลูกเองก็ต้องเติบโตอย่างเท่าทัน AI เช่นกัน
เพราะฉะนั้นเริ่มตั้งแต่วันนี้เลยค่ะ ดูแลอาหารการกินให้ลูกมีโภชนาการที่เหมาะสม ทานอาหารครบ 5 หมู่ ชวนลูกเล่นตามวัย ให้ลูกได้เคลื่อนไหวเพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงมีภูมิคุ้มกัน
ที่สำคัญการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว ช่วยให้ลูกมีความมั่นคงทางอารมณ์และจิตใจ เป็นพื้นฐานของการฝึกทักษะสมองขั้นสูง ซึ่งเป็นซอฟท์สกิลอย่างหนึ่งที่ช่วยต่อยอดให้ลูกเติบโตพร้อมเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ถึงตอนนั้นไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน ลูกก็พร้อมจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและมีความสุขค่ะ
ค้นหาเพิ่มเติม หรือหากคุณแม่มีข้อสงสัย พัฒนาการสมองและการเรียนรู้ของลูกเพิ่มเติม สามารถปรึกษาทีมพยาบาล S-Mom Club ได้ตลอด 24 ชม.ไม่มีค่าใช้จ่าย