ความเครียดเป็นพิษส่งผลกระทบกับพัฒนาการและทำให้ลูกป่วย
พบวิธีการรับมือเพื่อลดผลกระทบพัฒนาการลูก เช็กสัญญาณแบบนี้ลูกกำลังเครียด / อาการแบบนี้แหล่ะ ที่หนูเครียด / พัฒนาการและพฤติกรรมด้านไหนพังบ้างหากหนูเครียดเป็นพิษ / Stress Management ฉบับเจ้าหนู แม่รู้ไว้สอนหนูได้ โดย The Expert ผศ. ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร อาจารย์ประจำสถาบันแห่งชาติ เพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล
การรับมือกับความเครียดในร่างกายจะใช้ระบบประสาทอัตโนมัติระดับล่าง ยังไม่ใช้สมองระดับสูง ซึ่งการใช้สมองระดับสูง ที่เราเรียกว่า EF หรือสมองส่วนหน้าที่เป็นเรื่องของเหตุผล การควบคุมอารมณ์ การวางแผน การคิด การวิเคราะห์ การตัดสินใจแบบมีเหตุผล เมื่อไหร่ที่ลูกใช้สมองระดับล่างนานๆ นั้นแปลว่าสมองระดับสูง EF ไม่ได้ถูกใช้งาน พอไม่ได้ใช้ก็จะส่งผลให้พัฒนาการ การใช้เหตุผล การยับยั้งชั่งใจ การควบคุมอารม์ของลูกหายไป
หากพ่อแม่สังเกตได้ง่ายๆ ที่เรามองไม่เห็นเพราะว่าเราไม่ได้มอง ถ้าเราดูตัวเราเองเราเครียดก็ไม่รู้ตัว เพราะว่าเราไม่ได้กลับไปสังเกตลูก สัญญาณลูกเครียด
1.เมื่อหลับเป็นอย่างไร หลับยากไหม ฝันร้ายหรือเปล่า หรือตื่นตัวแต่งัวเงีย ตื่นอยู่แต่ไม่ง่วง แต่ซึม ไม่มีแรงทำอะไร
2.เมื่อตื่นเป็นอย่างไร เงียบลง ไม่ค่อยพูด ถอนหายใจ ไม่ร่าเริงเหมือนเคย ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็น ซึ่งบ้านไหนที่มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันเด็กจะค่อยๆ ปลีกวิเวกไป หงุดหงิดง่าย ต่อต้านแบบไร้เหตุผล EF ไม่ทำงานเพราะว่าเครียดอยู่
3. เมื่อกิน กินอย่างไร อยากอาหารไหม และกินอิ่มไหม กินหวาน กินแต่ขนม เพราะว่าเวลาเครียดเหมือนร่างกายขาดน้ำตาลเพราะต้องการความสดชื่นอย่างรวดเร็ว
4.เมื่อเข้าห้องน้ำ ท้องผูก อุจจาระราด ฉี่ราด ฉี่รดที่นอน ถดถอยจากทักษะเดิม เคยเข้าได้เป็นเข้าไม่ได้ วิตกกังวลมาก เลยฉี่บ่อยๆ
พฤติกรรมที่ไม่เหมือนเดิม ให้ลองสังเกตดูเลยว่า ลูกเริ่มมีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่า แค่พ่อแม่ดู มันจะกลายเป็นการตอบสนองความเครียดแบบทนได้
จุดตัดอยู่ตรงนี้คือ จะกลายเป็น Toxic ลูกอยู่ในภาวะนั้นนานๆ ใช้วงจรความเครียดนานๆ แล้วไม่มีใครช่วยออกจากความเครียดได้ ค่อยดูและสังเกตลูกเมื่อตื่น เมื่อหลับ เมื่อกินเป็นยังไง ความเครียดทำให้เกิดโรค NCDs โรคไม่ติดต่อ โรคเรื้อรัง หายยาก เป็นแล้วกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เบาหวาน หัวใจ ความดัน และการใช้สารเสพติด
1.สอนลูกให้รู้จักความเครียด มองว่าความเครียดเป็นเรื่องที่มาแล้วก็ไปได้ แต่ต้องเห็นก่อนว่ามีความเครียดมา แล้วจัดการให้ออกไป อยู่กับความเครียดยังไง รู้ว่าเรากำลังเครียดเรื่องนี้อยู่ แต่ยังมีเรื่องอื่นที่สบายใจ เพราะฉะนั้นเวลาสอนลูกสอนให้ลูกรู้จักอารมณ์ตัวเองสำคัญมาก อยากให้ดู EPที่ครูบอกว่าให้ปลอบก่อน สอนทีหลัง (รักลูก The Expert Talk EP.10: เลี้ยงลูกเชิงบวก ตอน ชวนพ่อแม่เป็น "ผู้ประคอง" แทนผู้ปกครอง) การปลอบก่อน สอนทีหลังทำให้ลูกรู้จักอารมณ์ตัวเอง และในขณะที่เราบอกลูกว่า แม่เข้าใจว่าหนูกำลังรู้สึกอะไร นอกจากจะได้รู้คลังคำศัพท์ชื่อของอารมณ์แล้วเขายังรู้ด้วยว่าแม่อยู่ข้างเขานะ เพราะฉะนั้นมันจะไม่สามารถพัฒนาไปเป็น Toxic Stress ได้แน่นอนสอนให้รู้ว่าอารมณ์นี้คืออะไร
2.ปลอบเสร็จ สอนทีหลัง สอนลูกเลยว่าหนูจะจัดการยังไง พ่อแม่ไม่ต้องกังวลหรือบอกว่าเวลาหนูกำลังโกรธให้หนูหายใจยาวๆ นับ 1 2 34 ยังไม่ต้องสอน แต่ให้ถามเราสอนด้วยการถามลูก ถามว่า หากหนูกำลังเสียใจอยู่ กำลังโกรธอยู่ แทนการเขวี้ยงของ ตีคนอื่น เก็บไว้ข้างใน หนูมีวิธีการระบายอารมณ์นั้ันออกไปอย่างไร อีกเรื่องที่เราจะสอนได้
3.สอนให้ลูกมีเป้าหมายในชีวิต จะทำให้เกิดความเครียดแบบบวก เพราะว่าตื่นมาแล้วจะมีเป้าหมายแล้วว่าจะไปทำอะไร ต้องวางแผน ตัดสินใจ จัดบริหารเวลา ซึ่งการตัดสินใจ บริหารเวลา ควบคุมอารมณ์ ใช้สมอง EF
4.พาลูกไปเปิดโลกกว้าง ให้รับข้อมูลและดูว่าเขาสนใจอยากทำอะไร ลองคิดดูว่าทุกเช้าที่ตื่นมาแล้ว เช้านี้รู้ว่าเขาจะไปทำอะไรที่ชอบ จะรู้สึกคลายเครียด แค่คิดก็สนุก เวลาที่คนเรามีปัญหาอะไร ถ้าเป็นปัญหาที่เรารู้ว่าจะข้ามมันไปได้ พอข้ามไปแล้วจะรู้สึกภูมิใจกับมัน ทำให้เกิดเชิงบวกกับเรา ทำให้ระดับจิตใจดี สูงขึ้น รู้ว่าตัวเองมีความสามารถอะไร ทำให้รู้ว่าปัญหามีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้กลุ้ม
1.สมยอม ไม่ค่อยพูดกับพ่อแม่ ไม่เสวนา ไม่โต้เถียง สมยอม ทำเพราะตัดรำคาญ ไม่อยากให้พ่อแม่บ่นเยอะ ทำเพราะกลัว จับทางพ่อแม่ได้ เพราะถ้าไม่ทำพ่อแม่จะดุว่าตะโกนใส่ หรืออาจจะแสดงพฤติกรรมที่ลูกคิดว่าพ่อแม่ไม่รัก เรียกว่าสมยอม ทำเพราะตัดรำคาญ ทำเพราะพ่อแม่ไม่รัก
2.ดื้อเงียบ ไม่ทำ ไม่เถียง ไม่เสวนา
3. สู้ ต่อต้าน เถียง เอาชนะ หงุดหงดใส่ พ่อแม่พูดอะไรก็ผิด พอจะเริ่มสอนก็ไม่อยากฟัง มันคือ Defense Mechanism Mode กลไลกปกป้องตัวเอง เพราะเวลาที่ลูกเครียดแล้วรู้ว่าลูกเป็นที่มาของความเครียด คือพ่อแม่ไม่ปลอดภัย ลูกก็ไม่อยากจะยุ่งด้วย เพราะฉะนั้นลองดูว่าถ้าลูกไม่เสวานากับเราไม่ว่ารูปแบบไหน แบบไม่พูดแต่ยอมทำตาม สมยอม ทำตามเพราะกลัว แบบถอย ดื้อเงียบ พูดไปแต่ไม่ทำต่อต้านคือสู้ทุกอย่าง ถ้าเป็นแบบนี้ คือเริ่มเป็นไปได้ว่าเราเป็นที่มาของความเครียดของลูก
Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB
Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX
Youtube: https://bit.ly/3cxn31u