8 อาการเสี่ยงของคนท้องที่อาจทำให้ทารกเกิดมาผิดปกติ
สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ การดูแลเจ้าตัวน้อยให้ออกมาลืมตาดูโลกอย่างปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุด จากข้อมูลของสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีระบุว่า ประเทศไทยมีทารกเกิดใหม่ถึงปีละ 7 แสนคน โดยมีทารกที่เกิดก่อนกำหนดประมาณ 1 แสนคน และอัตราการเสียชีวิตของเด็กแรกคลอดอยู่ที่ 6.7 คนใน 1 พันคน เป็นอันดับ 3 ของอาเซียน ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรรู้ความเสี่ยงสาเหตุของลูกน้อยเกิดมาไม่แข็งแรง รู้วิธีรักษา และการรับมือที่ถูกต้องนะคะ
ความเสี่ยงตอนตั้งครรภ์ ที่อาจทำให้ทารกเกิดมาผิดปกติ
- ตั้งครรภ์อายุมากกว่า 35 ปี หรือ อายุน้อยกว่า 16 ปี
- มีเลือดออกผิดปกติขณะตั้งครรภ์
- รกลอกตัวก่อนกำหนดคลอด หรือรกเกาะต่ำ
- ความดันโลหิตสูง เกิน 160 มม.ปรอทขึ้นไป
- โรคเบาหวาน โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE)
- มีการติดเชื้อ เช่น เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ต่างๆ
- ครรภ์แฝด ครรภ์เป็นพิษ
- น้ำคร่ำมากหรือน้อยเกินไป ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
ทารกเกิดมาแล้ว แบบไหนที่เรียกว่าผิดปกติ ต้องได้รับการดูแลรักษา
- ทารกคลอดก่อนกำหนด อายุครรภ์น้อยกว่า 37 สัปดาห์ (หรือหลังอายุครรภ์ 42 สัปดาห์)
-
ทารกน้ำหนักตัวน้อยกว่า 2,500 กรัม หรือมากกว่า 4,000 กรัม
-
มีน้ำหนักผิดปกติเมื่อเทียบกับอายุครรภ์
-
ทารกแฝด
-
ทารกตรวจพบความผิดปกติ เช่น ขาดออกซิเจน
-
ทารกมีท่าผิดปกติในครรภ์ เช่น ท่าก้น ท่าขวาง
-
ทารกเกิดความผิดปกติระหว่างคลอด
-
ทารกพิการแต่กำเนิด
ทารกแรกเกิดวิกฤติ ต้องได้รับการดูเลอย่างถูกต้องดังนี้
- การช่วยกู้ชีพและให้ออกซิเจนทารก เป็นการดูแลหลังจากทารกคลอดออกมา ซึ่งเด็กที่คลอดส่วนใหญ่จะหายใจเองได้ แต่มีเพียง 1% เท่านั้นที่ไม่สามารถหายใจได้เอง ซึ่งต้องการการกู้ชีพจึงต้องใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจเพื่อให้ทารกหายใจเองได้
- การปรับอุณหภูมิร่างกายทารก โดยใช้ตู้อบช่วยให้ทารกมีอุณหภูมิเหมาะสมตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ควรอยู่ในช่วง 36.8-37.2 องศาเซลเซียส เพราะหากทารกแรกคลอดตัวเย็น อาจทำให้ความดันในปอดสูง เกิดปัญหาหายใจเร็วได้
- การควบคุมการติดเชื้อ เกิดขึ้นได้ตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์ เช่น แม่มีน้ำเดินก่อนคลอดนานกว่า 18 ชั่วโมง แม่มีเชื้อราในช่องคลอด แม่ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น
- การให้สารน้ำ สารอาหาร และโภชนาการที่เหมาะสม จะเน้นการให้นมแม่มากที่สุด แต่หากทารกมีภาวะเจ็บป่วย เช่น น้ำตาลต่ำ อาจต้องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นระยะ หรือในกรณีที่ทารกคลอดก่อนกำหนด หายใจเร็ว ไม่สามารถทานเองได้ก็จำเป็นที่จะต้องให้สารอาหารผ่านทางสายยางให้อาหารและสารน้ำทางเส้นเลือด เป็นต้น
ปัญหาทารกแรกเกิดวิกฤตินั้นสามารถป้องกันได้ หากคุณแม่ฝากครรภ์อย่างมีคุณภาพตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ เพื่อจะได้ตรวจสุขภาพคุณแม่คุณลูกและดูแลอย่างถูกต้องตามคำแนะนำของสูติ-นรีแพทย์และกุมารแพทย์ หากพบปัญหาจะได้วางแผนการคลอดและการดูแลรักษาได้โดยเร็ว
ข้อมูล : พญ.อรวรรณ อิทธิโสภณกุล กุมารแพทย์สาขาทารกแรกเกิดและปริกำเนิด หน่วยดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติ โรงพยาบาลกรุงเทพ
สอบถามเพิ่มเติม : หน่วยดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติ โรงพยาบาลกรุงเทพ โทร. 1719