พัฒนาการทารก 2 เดือน เด็กอายุ 2 เดือน พ่อแม่ต้องดูแลอะไรบ้าง มีวัคซีนเด็กอะไรต้องฉีด พัฒนาการอะไรที่เด่นชัดกว่าตอนอายุ 1 เดือน มาเช็กกันค่ะ
ลูกวัย 2 เดือนจะมีตัวหนักขึ้นจากเมื่อตอนอายุ 1 เดือนประมาณ 1 กิโลกรัม เริ่มบังคับศีรษะโงนเงนไปมาได้ สามารถเงยขึ้น 45 องศา เพื่อมองสิ่งแวดล้อมรอบๆ ได้ประมาณ 2-3 นาที ลูกจะกินนมเป็นเวลามากขึ้น ประมาณ 4 ชั่วโมงต่อครั้ง เฉลี่ย 35 ออนซ์ต่อวัน และหากไม่ได้ดั่งใจก็จะแผดเสียงร้องลั่นบ้าน
เด็กบางคนอาจจะนอนหลับเพลินจนลืมเวลากินนม เพราะเมื่อมีอายุเลย 5 อาทิตย์แล้ว จะนอนตอนกลางคืนได้ยาวนานขึ้นรวดเดียวถึง 7 ชั่วโมง และในตอนกลางวันจะอยู่ในภาวะตื่นมากขึ้นเป็น 10 ชั่วโมงต่อวัน เด็กจะเริ่มเรียนรู้ร่างกายตนเอง ชอบถีบขายืดแขน หันหน้าหันหลังพลิกตัวไปมาอย่างสนุกสนาน ยิ่งหากมีคนอื่นๆ อยู่ด้วยเจ้าหนูจะโชว์ท่าทางเป็นพิเศษ
ด้านการมองเห็นในเดือนที่ 2 เลนส์ของตาจะปรับระยะตามความห่างของวัตถุ แต่ประสาทของตากับหูยังไม่สัมพันธ์กันมากนัก อาจจะไม่ค่อยหันตามเสียงแต่จะหันตามของเล่นสีสดใสหรือแสงวิบวับแทน อย่างไรก็ตามลูกจะชอบใบหน้าของคนมากกว่าสิ่งของอยู่ดี และการเรียนรู้ของลูกมักจะเป็นการเรียนรู้ด้วยปากและพอใจกับการได้ดูดนมหรือนำนิ้วเข้าปากมากกว่าเรียนรู้ด้วยสายตา
พัฒนาการทางร่างกายที่เด่นชัดของทารก 2 เดือน ได้แก่
อารมณ์ของลูกจะเป็นเหตุผลมากขึ้น เช่น ร้องเพราะได้ยินเสียงดัง โกรธ โมโห หรือหิว เมื่อร้องไห้จะอาละวาดถีบขาและแกว่งแขนจนสั่นไปหมด อีกทั้งจะเริ่มสังเกตความเป็นตัวตนของลูกมากขึ้น เช่น เด็กนิสัยเรียบร้อยก็จะนิ่งๆ เงียบๆ หากเด็กนิสัยกระตือรือล้นก็จะซุกซนกว่าปกติ
เด็กบางคนก็จะมีชั่วโมงแห่งความหงุดหงิด โดยเฉพาะช่วงเย็นและช่วงค่ำ เขามักร้องไห้พร้อมกับกลั้นหายใจหรือเรียกว่า “ร้องดั้น” จนหน้าเปลี่ยนสี แม้จะให้นมหรือปลอบโยนก็มักจะหยุดเพียงชั่วครู่ แล้วก็จะร้องใหม่อีกครั้ง การร้องแบบนี้บ่งบอกถึงความไม่สบายใจและความไม่สบายกาย รู้สึกถึงความไม่สมดุลของระบบประสาทและร่างกายของตนเอง เมื่อลูกโตขึ้นก็จะคลายลง แต่ลูกก็สามารถทำให้ตนเองรู้สึกสงบลงได้ด้วยการดูดนิ้ว สำหรับช่วงเวลาที่ลูกอารมณ์ดีที่สุดคือช่วงที่ลูกเพิ่งกินนมเสร็จประมาณครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมง และมีปฏิกิริยาตอบโต้สูง
พ่อแม่ควรดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมที่จะช่วยให้ลูกอารมณ์ดี หลีกเลี่ยงเสียงดัง เปิดเพลงเบาๆ หรือแม้แต่การเล่นกับลูกบ่อยๆ ก็เป็นการพัฒนาพัฒนาการทางอารมณ์ของลูกได้
ลูกน้อยยังใช้การร้องไห้เป็นการสื่อสารหลัก เสียงส่วนใหญ่จะออกมาเป็นเสียงอ้อแอ้ คูๆ ไม่เหมือนเสียงพูดของผู้ใหญ่สักเท่าไรนัก แต่ว่าจะสนใจฟังเสียงต่างๆ และจดจำเสียงนั้นไว้ หากคุณพ่อคุณแม่พูดคุยกับลูกบ่อยๆ ลูกจะอ่านริมฝีปากและหัดพูดไปในตัวด้วย
เริ่มมองคนและส่งยิ้มหวานให้ และจะยิ้มเป็นพิเศษเมื่อคนๆ นั้นมักตอบสนองในทางบวกได้ เช่น เข้ามาคุยด้วย หรือเอานมมาให้ หรือแม้แต่พี่น้องที่เข้ามาเล่นซุกซนด้วยกันเขาก็จะรู้สึกอยากเล่นด้วย
พัฒนาการทางสังคมที่เด่นชัดของทารกวัย 2 เดือน ได้แก่
ลูกจะยังไม่สามารถจดจำหน้าแม่หรือแยกใบหน้าแม่ออกจากกลุ่มคนได้ แต่เขาจะสามารถแยกแยะได้จากกลิ่นกายและลักษณะท่าทางการอุ้ม อีกทั้งหากคุณแม่ลองแตะรสชาติเค็ม เปรี้ยว หรือขม ที่ริมฝีปากลูก ลูกจะสามารถตอบสนองความไม่พอใจใจออกมาในรูปแบบปิดปาก สำลัก หน้าแดง ขบกราม แต่หากเป็นสิ่งใดที่ลูกชอบ เขาจะสนใจและกระตือรือล้นยิ้มให้เอง
นอกจากนั้นเด็กบางคนมีลักษณะชอบทำอะไรด้านเดียว เช่น นอนตะแคงขวา ดูดมือขวา เอียงคอทางขวา หรือแม้แต่ดูดนมด้านขวา สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่อาการผิดปกติ แต่เป็นลักษณะความถนัดของลูกที่ก่อตัวมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์
ทารกวัย 2 เดือนนี้จะเริ่มเชื่อมโยงพฤติกรรมบางอย่างที่พ่อแม่ทำให้และตีความหมายได้บ้างแล้ว เช่น ถ้าวางลูกลงบนเปลในท่าทางพร้อมนอน แต่ลูกยังไม่อยากนอน เขาก็อาจจะแผดเสียงออกมาได้ การส่งเสริมควรพูดคุยกับลูกบ่อยๆ ตอบสนองความต้องพื้นฐานของเขาโดยเฉพาะเรื่องกินและเรื่องความเปียกชื้น ที่เป็นต้นตอของความหงุดหงิดจนทำให้ลูกเสียเวลาในการเรียนรู้ได้
พัฒนาการทางสมองที่เด่นชัดของทารก 2 เดือน ได้แก่