ผู้หญิงหลายคนอาจไม่เคยรู้จักโรคมดลูกโต หรือหลายคนอาจเกิดความสับสนว่า เนื้องอกมดลูก กับ มดลูกโต ใช่โรคเดียวกันหรือไม่ ความจริงแล้ว โรคมดลูกโต กับ เนื้องอกมดลูก นั้นเป็นคนละโรคกัน ดังนั้นหากประจำเดือนมากผิดปกติและมีลิ่มเลือดขนาดใหญ่ อาจเป็นสัญญาณของโรคมดลูกโตได้ หรือที่น่ากังวลใจยิ่งกว่านั้นคือ แม้ไม่มีอาการแสดงผู้หญิงก็มีโอกาสเป็นมดลูกโตได้เช่นกัน
โรคมดลูกโต พบได้จากหลายสาเหตุหลัก ได้แก่ เนื้องอกในมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ มะเร็งในระบบสืบพันธุ์ แต่ส่วนใหญ่ที่พบคือ โรคมดลูกโตจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Adenomyosis) คือการที่เนื้อเยื่อในโพรงมดลูกเจริญหรือแทรกซึมเข้าไปในกล้ามเนื้อมดลูก ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกเกิดภาวะอักเสบเรื้อรังจนเกิดพังผืดในชั้นกล้ามเนื้อมดลูก สุดท้ายมดลูกเกิดการขยายตัวและหนาขึ้น เกิดภาวะมดลูกโต ทำให้เกิดอาการประจำเดือนมามากผิดปกติ และอาการต่าง ๆ ที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล ที่สำคัญคือโรคมดลูกโตนั้นไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
หากผู้ป่วยมีกรรมพันธุ์หรือเคยทำการผ่าตัดเกี่ยวกับมดลูกอาจทำให้เป็นโรคมดลูกโตได้ นอกจากนี้การหมุนเวียนของฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายของผู้หญิงที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอาจส่งผลให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน ดังนั้นผู้หญิงที่หมดประจำเดือนหรือผู้หญิงที่ตัดมดลูกทิ้งจึงหมดโอกาสเป็นโรคมดลูกโต
นอกจากนี้เมื่อมดลูกโตอาจส่งผลให้มีอาการท้องอืดหรือท้องผูกเพราะมดลูกโตจนเบียดลำไส้ ปัสสาวะบ่อยเพราะมดลูกเบียดกระเพาะปัสสาวะ อีกทั้งอาจมีอาการร่วมด้วยเพิ่มขึ้น ได้แก่ ปวดหลัง ปวดกระดูกเชิงกราน ตะคริวบริเวณท้อง เลือดออกจากช่องคลอด รวมถึงมีบุตรยากเพราะการตั้งครรภ์ไม่สมบูรณ์
ในกรณีที่มดลูกโตจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่นั้นสูติ-นรีแพทย์จะทำการรักษาตามอาการและความรุนแรงของโรคเป็นสำคัญ ได้แก่ รับประทานยาพอนสแตน (Ponstan) และหรือ ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เพื่อช่วยให้อาการปวดและการอักเสบดีขึ้น ใช้ Progestin Only Hormone และหรือยาคุมกำเนิดเพื่อลดอาการปวด และช่วยให้ปริมาณรอบเดือนมาน้อยลง ชะลอการเติบโตของพังผืดในกล้ามเนื้อมดลูก หากมีอาการรุนแรงสูติ-นรีแพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดมดลูก ซึ่งปัจจุบันด้วยการผ่าตัดส่องกล้องขั้นสูง (MIS - Advanced Minimal Invasive Surgery) ทำให้ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเปิดหน้าท้อง แผลมีขนาดเล็กเพียง 5 - 10 มม. ที่สำคัญเสียเลือดน้อย ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนหรือติดเชื้อ ฟื้นตัวเร็วใน 1 - 2 วัน และกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ภายใน 1 สัปดาห์ ลดความกังวลและเพิ่มความมั่นใจในการเข้ารับการรักษาได้เป็นอย่างดี
อย่างที่ทราบกันว่าสาเหตุของโรคมดลูกโตจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่นั้นไม่แน่ชัด แต่การป้องกันดูแลด้วยการควบคุมน้ำหนักให้ไม่เกินเกณฑ์ ตรวจร่างกายและตรวจภายในกับสูติ-นรีแพทย์เป็นประจำทุกปี รวมทั้งเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกเมื่อถึงวัยที่เหมาะสมตามคำแนะนำของสูติ-นรีแพทย์จะช่วยให้ทราบถึงความผิดปกติและรับมือได้ทันท่วงที
ขอบคุณข้อมูลจาก
พญ.หยิงฉี หวัง สูติ-นรีแพทย์ผู้ชำนาญการผ่าตัดส่องกล้อง โรงพยาบาลกรุงเทพ