เกศกนก/ชลบุรี
A : ช่วงอายุ 1-5 ปี เป็นโอกาสทองของพัฒนาการทางภาษาของเด็กๆ ลูกชายคุณแม่อายุ 2 ปี 7เดือนแล้ว ตอนนี้ยังไม่พูด ถือว่าพูดช้าแล้ว เป็นปัญหาที่ค่อนข้างเร่งด่วนแล้วนะคะ
สาเหตุของการพูดช้า
1. มีปัญหาการได้ยิน – เด็กจะสื่อความหมายด้วยท่าทางแทน ไม่พูด เรียกไม่ค่อยหัน ไม่สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังๆ การวินิจฉัยต้องตรวจการได้ยินโดยใช้เครื่องตรวจการได้ยินโดยแพทย์นะคะ สาเหตุนี้มองข้ามไม่ได้เลยค่ะ เพราะว่าถ้าการได้ยินของน้องมีปัญหา ต่อให้ฝึกพูดอย่างหนักแค่ไหน น้องก็ไม่ได้ยินค่ะ
2. สติปัญญาบกพร่อง – พัฒนาการของเด็กจะช้าในทุกด้าน ทั้งการพูด กล้ามเนื้อมัดใหญ่/มัดเล็ก และการช่วยเหลือตนเอง/เข้าสังคม หากคุณแม่ตรวจสอบพัฒนาการด้านอื่นๆ ของลูกแล้วพบว่าช้าด้วย ก็อาจจะเข้าข่ายค่ะ
3. ออทิสซึ่ม – เด็กจะมีพัฒนาการด้านสังคมล่าช้า ไม่สบตา ไม่สนใจ ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับใคร ร่วมกับมีปัญหาด้านการสื่อสาร ไม่สามารถพูดสื่อความหมายกับคนอื่นหรือไม่สามารถแสดงท่าทางเพื่อสื่อความหมาย และมีพฤติกรรมหรือความสนใจหรือการกระทำ ที่ซ้ำๆ จำกัด และเปลี่ยนแปลงได้ยากมาก
4. การเลี้ยงดูที่ปล่อยปละละเลยหรือขาดการกระตุ้นอย่างเหมาะสม เช่น ให้เด็กดูโทรทัศน์มากเกินไป คือเกินกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน (โดยเฉพาะ2 ปีแรก) หรือผู้เลี้ยงดูขาดปฏิสัมพันธ์กับเด็ก พูดคุยและเล่นกับเด็กน้อย ปล่อยให้เด็กเล่นคนเดียวอยู่เรื่อยๆ ข้อนี้พบมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากพ่อแม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านจำเป็นต้องฝากลูกไว้กับพี่เลี้ยงหรือผู้สูงอายุมากๆ
แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่อยากบอกคุณพ่อคุณแม่ คือเมื่อสงสัยว่าลูกจะพูดช้า อย่ารีรอนะคะ รีบพาลูกไปพบแพทย์ทันทีที่สงสัยเลย ถ้าลูกมีปัญหาที่ต้องแก้ไขจริง การไปฝึกตั้งแต่เนิ่นๆ ย่อมเป็นผลดีแน่นอนค่ะ
วิธีแก้ไขปัญหาพูดช้า
ขึ้นอยู่กับสาเหตุ หากเป็นปัญหาการได้ยินก็ต้องใส่เครื่องช่วยฟังหากเป็นปัญหาสติปัญญาบกพร่องก็ต้องฝึกกระตุ้นพัฒนาการกันทุกด้านโดยจะมีทีมสหวิชาชีพ(กายภาพบำบัด กิจกรรมบำบัด อรรถบำบัด) เป็นพี่เลี้ยงสอนคุณพ่อคุณแม่ค่ะหากเป็นออทิสซึ่มก็ต้องเน้นด้านสังคม โดยเริ่มจากฝึกให้เด็กมองหน้าสบตา ฝึกพูด รู้จักบอกความต้องการ และอาจต้องใช้ยาร่วมด้วยถ้ามีปัญหาอารมณ์/พฤติกรรมก้าวร้าว หรืออยู่ไม่นิ่งถ้าเป็นสาเหตุจากการเลี้ยงดูที่ขาดการกระตุ้นที่เหมาะสม แนะนำให้ปิดโทรทัศน์เลยนะคะ และผู้ดูแลต้องหันมาพูดคุยและเล่นกับเด็กมากขึ้น ฝึกให้เด็กบอกความต้องการให้มากขึ้น
สิ่งที่หมอจะแนะนำให้ทำไปได้เลยระหว่างที่ยังไม่ได้ไปพบแพทย์ (แต่ขอย้ำอีกครั้งว่า ในกรณีของคุณแม่ ควรพาน้องไปพบแพทย์ด่วนเลยค่ะ) คือ