การตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ด้วยวิธีทดสอบทางผิวหนัง เป็นการทดสอบโดยหยดน้ำยาสารก่อภูมิแพ้ แล้วใช้ปลายเข็มสะกิดผิวหนัง ไม่มีเลือดออก ทำง่าย ใช้เวลารอผลเพียง 15 นาที โดยก่อนทำการทดสอบนี้จะต้องหยุดยาแก้แพ้ แก้หวัด แก้เมารถอย่างน้อย 7 วันก่อนการตรวจ แต่ยังสามารถใช้ยาพ่นทางจมูก ยาพ่นแก้หอบ หรือรับประทานยา singulair และ pseudoephridine ได้
การทำการทดสอบทางผิวหนังนั้น ทำได้ที่ท้องแขนหรือแผ่นหลัง ในกรณีเด็กเล็ก ปกติสามารถทำได้ตั้งแต่เด็ก อายุ 3 เดือน แต่ในเด็กเล็ก น้อยกว่า 1 ปี การตอบสนองทางผิวหนังอาจไม่ดีมากเท่าเด็กโต
ข้อดีของวิธีนี้ คือ ราคาไม่แพง ทำได้เร็ว รอผลได้เลย และมีความไวของการทดสอบกว่าการเจาะเลือด ส่วนความแม่นยำ ถ้าผู้ป่วยแพ้แบบรุนแรง สามารถ เห็นผลได้ชัดเจน
การตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ด้วยการเจาะเลือด เป็นการเจาะหา IgE (แอนติบอดีชนิด E) ของร่างกายที่ตอบสนองต่อ สารก่อภูมิแพ้ การเจาะเลือดสามารถทำได้เลย ไม่ขึ้นกับการรับประทานยาใด ๆ หลังทำต้องรอผลประมาณ 1 สัปดาห์ มีราคาแพง แต่สามารถเจาะเลือดสารก่อภูมิแพ้ ได้ละเอียดมากหลายตัว เช่น การแพ้อาหาร สามารถบอกโมเลกุลของอาหารที่แพ้ว่า แพ้อาหาร ที่ผ่านความร้อนสูงได้หรือไม่ วิธีนี้มีความไว (sensitivity) น้อยกว่าการทำทดสอบทางผิวหนังแต่มีความจำเพาะ (specificity) มากกว่า
การทดสอบวิธีนี้เป็นการตรวจหา IgE ซึ่งบ่งบอกถึงอาการแพ้ฉับพลัน ได้แก่ ผื่นแพ้แบบลมพิษ การแพ้แบบรุนแรง (ผื่นลมพิษ ตาบวม หอบ) หรือภาวะภูมิแพ้จมูกอักเสบเรื้อรัง ต่อสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ การแพ้อาหารแบบสะสม ที่ต้องใช้เวลาในการกินหลายวันถึงหลายสัปดาห์ ผู้ป่วยถึงจะมีอาการ เช่น ครืดคราด คัดจมูก ท้องเสีย น้ำหนักตัวน้อย หรือ ผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบเรื้อรัง อาจตรวจไม่พบด้วยสองวิธีนี้
ส่วนการตรวจในต่างประเทศหรือบางห้องปฏิบัติการที่เป็นการตรวจแบบหา IgG (แอนติบอดีชนิด G) นั้น ปัจจุบันยังไม่เป็นที่น่าเชื่อถือต่อการค้นหาสารก่อภูมิแพ้ อีกทั้งยังมีราคาแพงมากกว่าสองวิธีที่กล่าวไป
ดังนั้นหากผู้ปกครองของเด็กภูมิแพ้ทั้งหลายสนใจ ต้องการตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ สามารถปรึกษากุมารแพทย์ทั่วไป หรือ พบกุมารแพทย์เฉพาะทางด้านภูมิแพ้เพื่อปรึกษาก่อนได้รับการตรวจด้วยวิธีต่าง ๆ ค่ะ
รักลูก Community of The Experts
พญ. เพลินพิศ ลิขสิทธิพันธ์
กุมารแพทย์ด้านโรคภูมิแพ้ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ