อาหารเสริมสำเร็จรูปของลูก..ต้องเลือกให้ถูกต้อง

เทคนิคเลือกอาหารเสริมสำเร็จรูปของลูกให้ได้คุณค่าครบถ้วน

ในยามที่แม่มือใหม่อย่างเราไม่มีเวลาเตรียม อาหารเสริมให้ลูกด้วยตัวเอง ก็มีอาหารเสริมสำเร็จรูปนี่แหละที่เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้มื้อหม่ำของลูก อิ่มท้องแบบไร้กังวล ว่าแต่ว่าจะเลือกอาหารเสริมสำเร็จรูปอย่างไร ถึงจะได้คุณภาพและมีคุณค่าที่ครบถ้วน และให้เจ้าหนูวัยหัดหม่ำมีสุขภาพแข็งแรง แม่ใหม่ฉลาดเลือกมีคำตอบมาให้ค่ะ

อาหารเสริมสำเร็จรูปที่มีขายโดยทั่วไปมีอยู่ 2 ชนิด

* อาหารเสริมสำเร็จรูปชนิดรับประทานได้ทันที ซึ่งจะเป็นชนิดเหลวบรรจุขวด

* อาหารเสริมสำเร็จรูปที่ต้องผสมน้ำต้มสุกก่อนรับประทาน ซึ่งเป็นชนิดผงบรรจุกล่อง มักทำจากธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี แล้วเติมวิตามินต่างๆ ลงไป ถ้าเป็นชนิดที่ไม่ผสมผักหรือเนื้อสัตว์ก็ควรเพิ่มอาหารสดผสมไปด้วย

การเลือกอาหารเสริมสำเร็จชนิดไหนนั้น นอกจากความสะดวกและความพอใจของคุณแม่แล้วยังต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ด้วยค่ะ

- เลือกให้เหมาะสมกับอายุของลูก ซึ่งที่ข้างกล่องหรือฉลากจะมีระบุไว้ว่าเหมาะกับเด็กวัยไหน ส่วนใหญ่เริ่มให้รับประทานได้ที่อายุ 6 เดือนขึ้นไป

- อาหารเสริมสำเร็จรูปมีทั้งที่เป็นชนิดเดี่ยว คือมีส่วนผสมอาหารอย่างเดียวเหมาะกับลูกที่เพิ่งเริ่มกินอาหาร กับชนิดผสมที่มีอาหารมากกว่า 1 ชนิดเหมาะกับลูกที่กินอาหารได้หลายอย่างแล้วค่ะ

- ดูข้อมูลสารอาหารและส่วนประกอบ เพื่อดูว่าส่วนผสมของอาหารนั้นประกอบด้วยอะไรบ้าง และมีสัดส่วนมากน้อยเพียงใด หากมีอาหารที่ลูกแพ้เป็นส่วนประกอบควรหลีกเลี่ยง และระวังอย่าให้มีส่วนผสมของน้ำตาลมากนัก เพราะจะทำให้เด็กติดรสหวาน

- ดู วันผลิต/Manuf. ดูวันหมดอายุ/Exp

- พิจารณาลักษณะภายนอกของบรรจุภัณฑ์ ถ้าบุบ บวม ฉีกขาด มีรอยกัดแทะ หรือมีสนิมขึ้นล่ะก็ วางไว้ที่เดิมเลยค่ะ เสื่อมคุณภาพเห็นๆ

- เริ่มให้อาหารเสริมได้เมื่อลูกอายุ 4 เดือนขึ้น ครั้งแรกที่ให้ลูกรับประทานควรให้ทีละน้อย แล้วค่อยเพิ่มปริมาณและสังเกตด้วยว่าลูกถ่ายปกติหรือไม่

- เปลี่ยนรสชาติและชนิดของอาหารเสริมบ่อยๆ ลูกจะได้ไม่เบื่อและกินอาหารได้หลากหลายมากขึ้น

- ไม่ควรตักอาหารจากขวดให้ลูกรับประทาน แต่ให้แบ่งใส่ถ้วยในปริมาณพอกินต่อครั้ง ส่วนที่เหลือเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา และไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 48 ชั่วโมง

- ถึงไม่มีเวลายังไง ก็อย่าให้ลูกกินอาหารเสริมสำเร็จรูปทุกมื้อ เพราะยังไงก็ไม่หลากหลายเท่าอาหารจากธรรมชาติฝีมือคุณแม่ ที่สามารถควบคุมชนิดอาหาร ความหยาบ-ละเอียด รสชาติและความสะอาดได้ ซึ่งการปรุงอาหารให้ลูกรับประทานเองเป็นวิธีการฝึกให้ลูกรับประทานอาหารได้ ดีวิธีหนึ่งเลยล่ะค่ะ