'การจูบ' เป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจแฝงด้วยเชื้อโรคต่างๆ ก็เป็นได้ค่ะ วันนี้จะพามาทำความรู้จักกับโรคจูบ หรือ kissing disease ไม่ใช่โรคใหม่ แต่พ่อแม่ก็ต้องระวังนะคะ เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย เวลาโดนคนไม่รู้จัก หรือแม้แต่คนใกล้ชิดมาจุ๊บน้องไม่ทันตั้งตัว ก็เป็นสิ่งที่พ่อแม่ต้องคอยระวัง 

kissing disease โรคจูบ ไม่ใช่โรคใหม่ แต่พ่อแม่ต้องระวัง!

โรคจูบ ชื่อโรคทุกคนคงสนใจ ที่จริงก็คือ infectious mononucleosis (IM) ซึ่งเกิดจากไวรัส Ebstein Barr หรือย่อว่า EB ไวรัส ติดต่อได้ทางสัมผัส และทางน้ำลาย 

เชื้อ EBV หรือ Epstein-Barr Virus 

เป็นเชื้อไวรัสที่อยู่ในวงศ์เดียวกันกับไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคเริม อีสุกอีใส งูสวัด ที่พบได้ในประชากรมากกว่า 90% และเชื้อนี้จะอยู่ในร่างกายไปตลอดชีวิต จึงสามารถแพร่เชื้อไปได้เรื่อยๆ 

เชื้อไวรัสตัวนี้สามารถแพร่เชื้อไปยังเด็กๆ ได้ จากการสำรวจในไทยพบว่า  จากการศึกษา ของศูนย์เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาคลีนิค โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จะเกิดขึ้นใน 2 ขวบปีแรก โดยไม่มีอาการของโรค หลังจากนั้นจะมีเชื้อซ่อนเร้นอยู่ในร่างกายแบบไม่แสดงอาการ (latent infection) 

แต่สำหรับในเด็กโตนั้น เมื่อได้รับเชื้อจะมีอาการรุนแรงขึ้น แม้ไม่เคยมีการติดเชื้อมาก่อน จึงเป็นสาเหตุหนึ่งของการติดเชื้อในวัยรุ่น ที่เกิดจากการจูบโดยสัมผัสจากน้ำลาย

อาการโรคจูบ (kissing disease) 

• มีไข้
• เจ็บคอมาก คอบวม ต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอโต 
• หายใจลำบาก หรือต้องหายใจทางปาก 
• มีผื่น 

วิธีป้องกันโรคจูบ หรือ kissing disease 

1. หมั่นรักษาสุขอนามัยทั่วไป 
2. หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวกับผู้อื่น 
3. พักผ่อนให้เพียงพอ 
4. รับประทานอาหารสุก สะอาด 
5. ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ 
6. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 


โรคจูบ ส่วนใหญ่สามารถหายเองได้ เมื่อร่างกายได้พักผ่อน และภูมิคุ้มกันทำงานอย่างปกติ ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ EBV ขึ้นมาหลังการติดเชื้อ ทำให้สามารถตรวจเลือดพบได้ว่าเคยมีการติดเชื้อ EBV มาแล้วได้