โรคพิษสุนัขบ้ากำลังระบาดหนัก หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดที่มีข้อสงสัยหรือคิดว่าลูกควรไปฉีดวัคซีนหรือไม่ วัคซีนแบบใด ลองมาอ่านเรื่องราวของน้องนิสสา ที่คุณแม่แพท เจ้าของเพจ
Mrs. Melon's Diary ได้เขียนลงเพจดังนี้ค่ะ...
เมื่อหมาจรจัดหน้าบ้านเป็นโรคพิษสุนัขบ้า และลูกเรานั้นก็เคยไปเล่นกับหมา!
.
ที่หน้าบ้านเรามีหมาจรจัดอยู่ 2 ตัวค่ะ มันเพิ่งมาตอนที่เราย้ายมาใหม่ๆ มาพร้อมกันเล้ย เมื่อสองปีก่อน มันก็เป็นหมานิสัยดีๆนี่แหละ ตัวสีน้ำตาล (ในภาพ) เป็นหมาที่ชอบล่าสัตว์ทุกชนิดตามสัญชาตญาณของมัน ทั้งแมว ทั้งกระรอก มันฆ่าตายมานักต่อนักแล้ว
.
ด้วยความที่มันอยู่หน้าบ้าน สามีซึ่งเป็นคนรักสัตว์มว๊ากกกก็ชอบเล่นกับมัน และมันก็ชอบสามีมากด้วย เพื่อนบ้านเอาเอาเพื่อนที่เป็นสัตว์แพทย์มาฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าให้มัน 1 เข็ม และก็ไม่ได้ฉีดอีก
.
เวลาเราเข็นลูกออกมาหน้าบ้าน หมาก็จะวิ่งออกมาเล่นด้วย โดยลูกอยู่ในรถเข็น ซึ่งมันเป็นแบบนี้มานาน เราก็ไม่ได้สนใจอะไร คือ ไม่ได้เป็นอะไรที่เราจับตามอง ว่าลูกเล่นกับมันเมื่อไหร่ ทำอะไรบ้าง
.
จนเมื่อวันอังคารที่แล้วค่ะ เห็นมันนอนซม ลิ้นห้อย ร้องโหยหวน แทบไม่ขยับตัวอยู่ในบ้านยายข้างๆ มันเหมือนกำลังจะตาย สามีเลยให้เพื่อนบ้านเรียกยายให้มาเปิดประตู คือ มันดูทรมานมาก จะพาไปหาหมอ ยายบอกว่ามันโดนรถชนไม่ได้แรงอะไร เดี๋ยวก็หาย(มั๊ง) และยายก็ไม่พาไปหาหมอจนป่านนี้ สามีค่อนข้างจะโมโหมากกก เพราะสงสารหมา
.
ยายข้างบ้านบอกว่า มันไม่กินข้าวกินน้ำมาหลายวัน เพื่อนบ้านอีกบ้านบอกว่า มัน อ้วก ฉี่ อึ ติดกัน สามีก็นึกได้ว่า วันพฤหัสหรือศุกร์ เห็นมันฉี่เยอะมาก
.
พอไปถึงโรงพยาบาลสัตว์ ก็ให้สัตว์แพทย์ตรวจ สัตว์แพทย์บอกว่ามันมีอาการทางสมอง ไม่ได้โดนชนอะไร และพอมันเป็นหมาจรจัด ก็เลยมีโอกาสเป็นได้หลายโรค มีขี้ตาเยอะๆ แบบนี้อาจจะเป็นโรคหัดสุนัขก็ได้ และก็แน่นอน มีโรคพิษสุนัขบ้าด้วย พอเขาสงสัยว่าพิษสุนัขบ้าปุ๊บ ทุกคนก็ถูกให้ใส่ถุงมือก่อนสัมผัสหมาทันทีค่ะ
.
เอาและไง พอสามีเห็นว่ามันมีโอกาสเป็นพิษสุนัขบ้า สามีก็เริ่มบ้าตามและ พอดีว่าช่วงเดียวกันนั้นนิสสาก็ตาอักเสบสองข้าง ขี้ตาเขียวอึ๋ง เหมือนหมาเด๊ะๆเล้ยยยย ทำให้สามีคิดว่า ลูกเอามือไปเล่นกับหมา และเอาไปขยี้ตาหรือป่าว เพราะนิสสาขยี้ตาบ่อยด้วย และโรคพิษสุนัขบ้า ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย คือออกอาการป่วยเมื่อไหร่ ตายแน่นอน!! ไม่มีทางรักษาหาย
.
ระหว่างที่ยัง 50/50 กับหมาว่ามันบ้าไม่บ้าแน่ คืนนั้นเลยค่ะ สี่ห้าทุ่มแล้วก็รีบพาลูกไปฉีดวัคซีน คือ วัคซีนพิษสุนัขบ้าเนี่ย มันมีแบบ Pre และ Post exposure คือ แบบฉีดก่อนโดนกัดและหลังโดนกัด ซึ่งมันก็วัคซีนเดียวกันอะแหละ แตกต่างกันที่ความถี่ในการฉีด แบบ Pre จะฉีดสามเข็มค่ะ วันที่ 0,7,21หรือ 28 แต่แบบ Post จะฉีด 5 เข็ม คือ วันที่ 0,3,7,14,28 คราวนี้ตอนนั้นเรายังไม่แน่ใจว่าหมามันบ้าไหม หมอก็เลยแนะนำให้ฉีดไปก่อน 1 เข็ม นิสสาก็โดนไปเลยค่ะ 1 ดอก สองวัดถัดมาค่ะ หมาตาย หมอเขาก็ตัดหัวหมาให้ และเราก็ต้องไปรับเอาสมองไปตรวจ หลังจากนั้นเขาก็โทรมาแจ้งว่า “หมามีเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้านะครับ”
.
เอาและตู ซวยแล้ววววว รีบโทรหาสามีทันที สามีก็บอกให้พาลูกไปโรงพยาบาลอีกรอบ และขอให้ดำเนินตามวิธีการของคนโดนหมาบ้ากัดกับลูกไปเลย เพราะเราเสี่ยงไม่ได้จริงๆ เรารู้ว่าลูกสัมผัสหมาแน่ๆ แต่ล่าสุดเมื่อไหร่ไม่แน่ใจ และเอามือเข้าตาเข้าปากไหมก็ไม่รู้ สามีเครียดมากก ขั้นสุด เพราะลูกป่วยพร้อมหมาด้วยอะไรด้วย
.
แพทก็เซิสหาเลยว่ามีอะไรอีกบ้างที่เราทำได้ ก็พบว่าโอเค เราจะเปลี่ยนเป็นฉีดแบบ 5 เข็มแทน และมันมีเซรุ่ม อิมมูโนโกลบุลิน อันนี้จะเป็นอะไรที่ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสทันที ถ้าเซิสกูเกิล จะเจอคนที่บ่นๆ ว่าโรงพยาบาลเอกชนคิดเข็มละสองหมื่นนั้นแหละค่ะ แต่มันไม่ต้องรอภูมิจากวัคซีน มันจะเริ่มต้านไวรัสได้เลยค่ะ
ถ้าถามสัตว์แพทย์ เขาจะบอกว่าไม่จำเป็น แต่ถ้ามถามหมอคน โดยเฉพาะคนที่รู้จักกัน เขาจะบอกว่าให้ฉีดๆ ไปเลยค่ะ เพราะไม่ได้มีข้อห้ามสำหรับฉีดในเด็ก เราก็เลยฉีดไปด้วยเลย อ่านมาแล้วถ้าเป็นเซรุ่มจากคนจะไม่ค่อยแพ้ค่ะ โชคดีที่ลูกยังเล็กก็น้ำหนักน้อย เลยราคาแค่ 4,200 บาทเท่านั้น พยาบาลแยกเป็นสองเข็มอี๊กกก ฉีดสองข้างก้น นิสสาปวดร้าวมาก โดยไปแล้ว 3 เข็มในสองวัน ถ้าใครโดนหมากัดในตำแหน่งที่แพร่กระจายไปยังกระแสเลือดเร็วๆ เขาก็จะฉีดรอบๆแผลค่ะ
.
ตกลงหลายๆวันที่ผ่านมานิสสาโดนฉีดไป 5 เข็มแล้ว ยังเหลืออีก 2 เข็ม และพอครบ 2 ขวบ จะโดนวัคซีนตามวัยอีก หืมมม เริ่มหลอนโรงพยาบาลแล้วค่ะ ส่วนแม่ก็เหนื่อย เพราะไปโรงพยาบาลติดๆ กันแทบทุกวัน ทั้งเรื่องวัคซีน และเรื่องที่นิสสาป่วย ไอเยอะ อาการมันก็ดันไปคล้ายพวกพิษสุนัขบ้าอีก คือ สำลัก กินข้าวไม่ได้ คือ ช่วงนั้นเวลาลูกไม่กินข้าว ทุกคนจะเครียดมาก เพราะกังวลเรื่องพิษสุนัขบ้า (ตอนนี้หายแล้ว)
.
หลังจากที่พบว่ามีหมาบ้าในบริเวณ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อสองสามหน่วยก็เข้ามาสำรวจพื้นที่ สัมภาษณ์คนในบริเวณ และใช้รถประกาศไปทั่วๆ ให้คนเอาหมาแมวในบ้านออกมาฉีดวัคซีนกระตุ้นค่ะ เขาฉีดให้ฟรีเลย บ้านไหนไม่ได้ฉีดพิษสุนัขบ้าทุกปี ต้องเอาหมาแมวไปฉีดใหม่ ซึ่งไม่ได้แปลว่าจะรอดแน่ ยังต้องดูอาการกันต่อไป
.
ส่วนแพทและสามี และทุกคนในบริเวณที่เคยสัมผัสหมา ก็ต้องไปฉีดเช่นกันค่ะ แพทไม่ได้จับหมา แต่เขาก็อยากให้ไปฉีดอยู่ดี แพทโดนไป 3 เข็ม สามีโดนไป 5 เข็ม ทุกวันนี้ก็สลับกันไปฉีดค่ะ ดีหน่อยที่เราไปเจอสถานอนามัยแถวบ้าน ของแพทเลยฉีดถูกมากก เสียค่าหมอไป 50 บาทต่อครั้งเองค่ะ ส่วนสามีไม่ได้มีบัตร 30 บาท เขาเลยฉีดที่ราคา 300 กว่าบาทค่ะ แต่ของลูกฉีดก่อนที่โรงพยาบาลเอกชนเลยแพงหน่อยครั้งนึงเป็นพันค่ะ เฮือกกก
.
ตอนนี้แพทเลยคิดว่า ถ้าลูกใครจะคลุกคลีกับสัตว์ ที่บ้านมีสัตว์ ควรไปฉีดแบบ Pre ไว้ก่อนเลยค่ะ 3 เข็ม ถ้าถึงเวลาโดนกัดโดนข่วนขึ้นมาจริงๆ ก็ฉีดกระตุ้น 1-2 เข็ม แต่ไม่ต้องฉีด อิมมูโนโกลบุลิน แพงๆ ค่ะ “สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดเป็นโรคนี้ได้” ถึงแม้สัตว์เลี้ยงจะฉีดยาตลอด แต่มันยังไม่ 100 % ค่ะ ตอนนี้พ่อๆแม่ๆ อาจจะไม่ได้รู้สึกว่า เฮ้ย ทำไมต้องตกใจเว่อออร์ขนาดนั้น แต่ถ้ามันเกิดขึ้นกับตัวเมื่อไหร่ สติแตกค่ะ และจะฉีดแน่นอนค่ะ เพราะว่าโรคนี้มันตายอย่างเดียว และเราเสี่ยงไม่ได้เวลาเป็นเรื่องของลูก ของคนในครอบครัว เชื่อเถอะว่าจะปล่อยไปไม่ได้แน่นวลลลลล
ขอจบมหากาพความหมาบ้าไว้แต่เพียงเท่านี้
#โรคพิษสุนัขบ้า #วัคซีนพิษสุนัขบ้า #นิสสาห้าเข็ม
ติดตามเรื่องราวการเลี้ยงลูกสไตล์แม่แพทได้ที่ : Mrs. Melon's Diary