เตรียมพร้อมลูก Back to School แบบวิถีใหม่ สำหรับคุณพ่อคุณอย่างเรา ๆ ต้องมีการเตรียมพร้อมอย่างไร เพื่อให้ลูก ๆ ไปเรียนได้อย่างปลอดภัย และห่างไกลจากโควิด-19 เรามีคำแนะนำดี ๆ มาฝากค่ะ
1.ระวังเชื้อโรค ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือเป็นประจำ สอนลูกให้มีระยะห่างจากเพื่อน ๆ ก็เป็นเรื่องที่ดีค่ะ อธิบายให้ลูกเข้าใจด้วยนะคะ
2.ระวังเปียกฝน ช่วงเปิดภาคเรียนตรงกับช่วงฤดูฝนพอดี อย่างที่รู้กันว่าการเปียกฝนทำให้เจ็บป่วยได้ โดยเฉพาะกับเด็กวัยอนุบาล อายุต่ำกว่า 6 ขวบ เพราะมีภูมิต้านทานน้อยกว่าผู้ใหญ่ จึงเป็นวัยที่ป่วยง่ายเมื่อต้องเจอกับเชื้อโรค อาการป่วยที่พบได้บ่อยคือ โรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ดังนั้น ควรเตรียมอุปกรณ์กันฝนให้กับเด็ก ๆ พร้อมสอนวิธีการใช้ เช่น การใส่เสื้อกันฝน รวมถึงระวังอย่าให้เด็กออกมาเล่นน้ำฝนด้วย
3.ระวังไปสาย เมื่อโรงเรียนเปิดพร้อม ๆ กัน ก็ทำการจราจรติดขัดมากพออยู่แล้ว หากฝนตกด้วย ก็มีโอกาสที่จะเจอน้ำท่วมผิวการจราจรทำให้สัญจรได้ลำบากมากขึ้น และยังมีโอกาสจะพบอุบัติเหตุข้างทางด้วย ก็เสี่ยงที่จะไปส่งบุตรหลานที่โรงเรียนสายกว่าเวลาโรงเรียนเข้า และพ่อแม่ผู้ปกครองก็จะไปทำงานสายด้วยเช่นกัน ฉะนั้น ควรเผื่อเวลาในการเดินทางเสียหน่อย ที่สำคัญการไม่ระวังเรื่องเวลา ก็อาจจะเป็นการปลูกฝังให้เด็กกลายเป็นคนไม่รักษาเวลาได้ด้วย
4.ระวังอาหารการกิน ช่วงหน้าฝน จะมีความชื้นและอุณหภูมิอบอุ่นที่พอเหมาะ เป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ จึงมีโอกาสสูงที่เด็กจะได้กินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค และอาหารที่โรงเรียนก็ใช่ว่าจะสะอาด ทำให้เสี่ยงที่จะเกิดอาการอาหารเป็นพิษได้ รวมถึงอาหารบางอย่างที่เด็กมีอาการแพ้ ดังนั้นผู้ปกครองจึงควรสอนให้เด็ก ๆ รู้จักอาหารที่ตนเองแพ้ เพื่อที่จะได้ให้เด็กหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านั้น รวมถึงควรสอนให้เด็ก ๆ รักษาสุขอนามัยของตนเอง ล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร และหลังจากทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ถ้าจะให้ดีควรสอนวิธีเลือกกินอาหารให้เด็กด้วย ไม่ควรกินอาหารที่ดูไม่สะอาด อาหารไม่สุก อาหารที่ขายตามข้างทาง เป็นต้น
5.ระวังโรคติดต่อ ที่โรงเรียน เด็กต้องอยู่รวมกันหลายคน ซึ่งมีเด็กคนไหนที่มีอาการป่วยบ้างก็ไม่อาจรู้ได้ โรคติดต่อ เช่น ไข้หวัด ไข้เลือดออก ตาแดง มือเท้าปาก เหา เป็นต้น อีกทั้งช่วงนี้ COVID-19 ก็ยังไม่สิ้นสุดการระบาด ผู้ปกครองจึงต้องระวังเด็ก ๆ จะติดโรคกลับมาจากโรงเรียน ควรสอนและฝึกให้เด็กสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่โรงเรียนหรือบนรถนักเรียน สอนล้างมือบ่อย ๆ และเตรียมข้าวของเครื่องใช้ให้เด็ก ๆ ให้พร้อม เพื่อที่จะได้ไม่ต้องใช้ของร่วมกับผู้อื่น
6.ระวังคนแปลกหน้า บ่อยครั้งที่เรามักได้ยินข่าวการลักพาตัวเด็ก โดยเฉพาะบริเวณรอบ ๆ โรงเรียน ซึ่งเมื่อนำตัวเด็กไปได้แล้ว ส่วนใหญ่ก็จะนำเด็กเหล่านี้ไปขายแรงงาน หรือพาไปล่วงละเมิดทางเพศ ฉะนั้น พ่อแม่ผู้ปกครอง และครูต้องช่วยกันสอดส่องบุคคลน่าสงสัยบริเวณโรงเรียนและเส้นทางกลับบ้านของเด็ก ๆ สอนเด็กให้รู้จักขอความช่วยเหลือเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า อย่าไปไหนกับคนแปลกหน้า และอย่ารับอาหารจากคนแปลกหน้า
7.ระวังอุบัติเหตุ เด็ก ๆ มักเล่นซนตามวัย อาจจะปีนป่าย แกล้งกัน เอาของเล่นเข้าปาก มุดเข้าไปเล่นในซอกในหลืบ แหย่มือเข้าไปในเครื่องจักรที่หมุน ๆ รวมถึงการข้ามถนนโดยที่ไม่มีผู้ใหญ่ไปด้วย ซึ่งถ้าผู้ใหญ่ประมาทเลินเล่อ ไม่ดูแลเด็กให้ดี ก็ทำให้เด็ก ๆ เกิดอุบัติเหตุ เจ็บตัว พิการ หรือที่ร้ายแรงสุดคือเสียชีวิต ดังนั้นผู้ใหญ่ควรจับตาดูแลเด็กเป็นอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเด็กที่มีแนวโน้มจะเล่นซนกว่าเด็กคนอื่น และพ่อแม่ควรจะสอนลูกด้วยว่าอย่าเล่นหรือทำอะไรที่เสี่ยงอันตราย
8.ระวังลืมเด็กไว้ในรถ เป็นเรื่องที่ต้องระวังมากที่สุด เพราะจากข้อมูลของสำนักงานโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค ที่เคยเก็บสถิติในช่วงปี 2557-2561 รวมระยะเวลา 5 ปี มีเหตุการณ์ที่เด็กถูกลืมไว้ในรถมากถึง 106 เหตุการณ์ ในนี้มีเด็กเสียชีวิต 5 ราย ซึ่งทั้งหมดถูกลืมทิ้งไว้บนรถนานกว่า 6 ชั่วโมง โดยเฉพาะรถที่จอดทิ้งไว้กลางแดด
สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เด็กที่ถูกลืมไว้ในรถเสียชีวิตไม่ได้มากจากขาดอากาศหายใจ แต่มาจากภาวะฉุกเฉินจากความร้อน (Heat stroke) รถที่จอดตากแดดอุณหภูมิภายในรถจะสูงมาก อากาศภายในรถแย่ จนเด็กเกิดภาวะเลือดเป็นกรด ช็อก หมดสติ สมองบวม หยุดหายใจ อวัยวะทุกส่วนหยุดทำงาน และเสียชีวิตในที่สุด
ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียกับครอบครัวใดอีก ผู้ใหญ่ต้องรอบคอบในการพาเด็กขึ้นรถ นับจำนวนเด็กที่ขึ้น-ลงรถทุกครั้ง ตรวจตราบนรถว่ามีเด็กเหลืออยู่หรือไม่ทุกครั้งก่อนล็อกประตู อย่าประมาททิ้งเด็กไว้ในรถตามลำพัง และควรสอนให้เด็กรู้จักขอความช่วยเหลือหากติดอยู่ในรถ เช่น กดแตรรถ วิธีปลดล็อกประตู วิธีลดกระจก เป็นต้น