อยากให้ลูกน่ารักน่าเอ็นดู อยู่กับใครก็ปรับตัวง่าย เป็นที่รักของทุกคน คุณพ่อคุณแม่ลองทำ 6 เรื่องนี้ให้ลูกเห็นและชวนเขาทำไปด้วยกันค่ะ
เด็กทุกคนมีความน่ารักน่าเอ็นดูในแบบตัวเอง ซึ่งไม่ใช่แค่หน้าตานะคะ แต่รวมไปถึงจิตใจ นิสัย หรือ คำพูดด้วย การเลี้ยงลูกในยุคนี้จึงต้องปลูกฝังเรื่องหัวใจให้หลายเป็นนิสัยที่จะนำไปใช้กับคนอื่น ปรับตัวเข้าสังคม ซึ่งนั่นจะทำให้ลูกเป็นที่รักของทุกคน น่ารักน่าเอ็นดูค่ะ
เพราะเรายังต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมค่ะ เราสามารถทำให้ลูกดู ชวนลูกทำตามเรื่องง่าย ๆ ในบ้านได้ เช่น ทิ้งขยะแบบแยกประเภท ไม่วางหรือตั้งขอขวางทางในบ้าน ปิดไฟดวงที่ไม่ใช้งาน เมื่อเราทำให้เขาเห็นและทำด้วยกันจนเป็นนิสัย เขาก็จะมีจิตสำนึกที่จะนำไปใช้เมื่อต้องไปโรงเรียน หรือ ทำงาน
การพูด การยืน การเดิน การนั่ง การรักษาเวลา การทักทาย กล่าวลา ขอโทษ ขอบคุณ ล้วนเป็นเรื่องสำคัญในการเข้าสังคมค่ะ เราสามารถเริ่มได้ง่าย ๆ ด้วยการพูดเพราะ ๆ กันเองในบ้าน ตื่นเช้ามาพูดทักทายกัน ขอบคุณเมื่อลูกช่วยหยิบของให้ ขอโทษให้ลูกได้ยินเมื่อทำผิดพลาด ลูกจะซึมซับและทำตามได้ง่าย ๆ เหมือนเป็นกระจกเงาของพ่อแม่ เมื่อเขาอยู่กับกลุ่มเพื่อนหรือผู้ใหญ่ ก็จะรู้จักวางตัว ใช้คำพูดที่เหมาะสม ปรับตัวเข้ากันเพื่อนได้ง่าย
การแบ่งปันเริ่มจากที่บ้านเสมอค่ะ แบ่งขนมให้กัน แบ่งผลไม้กับเพื่อนบ้าน ทำขนมไปให้คุณปู่คุณย่า หรือแม้แต่ชวยคุณแม่ทำงานบ้านในวันที่คุณแม่มีงานเยอะหรือเหนื่อย เมื่อลูกทำสม่ำเสมอ เขาจะเรียนรู้ว่าการช่วยเหลือคนอื่นเป็นเรื่องง่ายมาก และทำให้ทั้งผู้ทำและผู้ที่ได้รับการแบ่งปันมีความสุข แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องสอนให้เขามีน้ำใจแบบไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ไม่ให้ถูกเอาเปรียบด้วยนะคะ
เด็กจำเป็นต้องเรียนรู้ว่า ทุกคนรอบตัวเขาต่างก็มีเงื่อนไขการใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน เช่น เพื่อนบางคนไม่มีของเล่น คุณป้าข้างบ้านเดินไม่ค่อยสะดวก เป็นต้น เพื่อทำให้เขามองผู้อื่นอย่างเข้าอกเข้าใจ ไม่ดูถูก ไม่รังเกียจ แต่พร้อมที่จะช่วยเหลือตามกำลังที่สามารถ เช่น แบ่งของเล่นให้เพื่อน ช่วยพยุงคุณป้าเดินเข้าบ้าน บริจาคสิ่งของให้ผู้ที่ด้อยโอกาส เป็นต้น
อาจเริ่มง่าย ๆ จากการตั้งคำถามปลายเปิดให้ลูกแสดงความคิดเห็น เมื่อลูกพูดจบ แม่ก็เสนอบ้าง พ่อเสนอบ้าง โดยมีกติกาว่าต้องฟังกันให้จบก่อน ซึ่งจะช่วยให้ลูก "เปิดใจ" และ "ปรับวิธีคิด" ได้อย่างเหมาะสม ไม่ยึดความคิดตัวเองว่าถูกต้องที่สุด แต่พร้อมรับฟังความคิดของคนอื่นที่อาจนำมาปรับใช้ได้ หรือ แม้บางความคิดของคนอื่นอาจไม่ถูกต้อง แต่การรับฟังจะช่วยให้ต่างฝ่ายหาวิธีปรับตัวเข้าหากันได้
ทั้งความคิด รูปร่างหน้าตา สีผิว ความเชื่อ ฯลฯ ซึ่งลูกอาจจะต้องใช้ทั้งความเข้าอกเข้าใจ ความเห็นใจผู้อื่น และการรับฟังผู้อื่น เพื่อฝึกฝนเรื่องนี้ค่ะ เราอาจเริ่มง่าย ๆ เช่น แม่ผิวคล้ำกว่าคุณพ่อนะ แต่เราก็ไม่ล้อแซวกัน เพราะถึงจะสีผิวไม่เหมือนกัน แต่คุณพ่อคุณแม่ก็เป็นคนดีนะ และรักลูกเหมือนกันด้วย
สังคม โรงเรียนและโลกภายนอกเป็นอีกหนึ่งสนามเรียนรู้ที่ลูกต้องออกไปฝึกปรือทักษะการอยู่ร่วมกับผู้อื่นนะคะ นอกจากเลี้ยงลูกให้กินอิ่ม นอนหลับ สุขภาพดีแล้ว เรายังต้องสร้างฐานความคิด และความมั่นคงทางจิตใจให้ลูก พร้อมนำไปปรับใช้กับคนอื่นด้วย สิ่งสำคัญที่สุดในการสอน 6 ข้อข้างต้นนี้คือ "พ่อแม่ต้องทำให้เห็นเป็นตัวอย่างสม่ำเสมอ" เพราะลูกจะซึมซับ เลียนแบบตัวอย่างดี ๆ นี้ไปค่ะ