คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมคะ ว่าการดูแลเท้าของลูกเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะการการเลือกรองเท้า ควรให้เหมาะกับรูปเท้าและกิจกรรมต่าง ๆ ของลูก เพราะรองเท้ามีส่วนช่วยให้ลูกมีพัฒนาการสมวัยได้
นพ.กฤษฎิ์ พฤกษะวัน ศัลยศาสตร์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลเวชธานี บอกไว้ว่า เท้าเป็นพื้นฐานสำคัญในการเจริญเติบโตของเด็กทุกคน เพราะเด็กจะเรียนรู้ด้วยการมอง ฟัง และเดินไปสัมผัสสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ดังนั้น หากเด็กมีสุขภาพเท้าที่ดี มีขาที่แข็งแรง ทำให้มีความพร้อมในการเรียนรู้สิ่งใหม่และมีพัฒนาการสมวัย ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา
“นอกจากการดูแลเท้าของลูกให้แข็งแรงและถูกอนามัยแล้ว สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรต้องใส่ใจและให้ความสำคัญมาก ๆ นั่นคือการเลือกรองเท้าให้เหมาะกับลูก เพราะเด็กแต่ละช่วงวัยจะมีการพัฒนากระดูกเท้าที่แตกต่างกัน รวมถึงกิจกรรมที่ต้องใช้เท้าแต่ละช่วงอายุก็แตกต่างกันด้วย ซึ่งเท้าเด็กจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว พ่อแม่จึงควรตรวจเช็คความคับหรือหลวมของรองเท้าอยู่เสมอ บางครั้งอาจต้องเปลี่ยนรองเท้าถึง 3 ไซส์ ในช่วง 1 ปี”
นอกจากนี้ ผู้ปกครองต้องคอยสังเกตรอยแดงบริเวณข้อเท้าเด็กอยู่เสมอ หากพบรอยแดงใต้ส้นเท้าแสดงว่ารองเท้านั้นสั้นไป ถ้ามีรอยแดงนอกส้นเท้าในส่วนข้อต่อด้านบนแสดงว่ารองเท้าเตี้ยไป ถ้ามีรอยแดงที่ขอบนอกหรือขอบด้านในเท้าแสดงว่ารองเท้าแคบไป ซึ่งรองเท้าที่พอดีควรมีความยาวมากกว่าเท้าประมาณ 2/3 นิ้ว เพื่อให้มีพื้นที่มากพอในการป้องกันการบีบของนิ้วเท้า โดยควรเลือกซื้อหรือลองรองเท้าในช่วงบ่ายเพราะเป็นช่วงที่เท้าจะขยายขนาดและบวมจากการใช้งานมานาน เพื่อป้องกันการซื้อรองเท้าที่คับเกินไป
เด็กอายุ 0-1 ปี (Infancy) ช่วงนี้เด็กยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้รองเท้า เพียงแต่อาจใช้ถุงเท้าใส่เดินเพื่อป้องกันความร้อนหรือเย็น
เด็กอายุ 1-2 ปี (Young Infant) เด็กจะเริ่มหัดเดิน โดยธรรมชาติของการพัฒนากระดูกเท้าแล้ว ในระยะนี้ไม่มีความจำเป็นต้องใช้รองเท้า การใช้รองเท้าในระยะนี้มีจุดประสงค์เพียงป้องกันอันตรายจากสิ่งแวดล้อมภายนอก รองเท้าที่เหมาะสมในระยะนี้ควรจะนิ่มและยืดหยุ่นได้ดี เพื่อให้เกิดอิสระในการเดิน คล้ายกับการไม่สวมรองเท้า รองเท้าที่หนาหรือแข็งเกินไปจะเพิ่มแรงกดที่เท้าและส่งผลกระทบต่อพัฒนาการกระดูกเท้าของเด็ก
เด็กอายุ 2-4 ปี (Middle aged Infant) ช่วงนี้เด็กจะเดินเยอะ ตามกฎธรรมชาติของการเจริญเติบโตของกระดูกเท้านั้น เท้าและข้อเท้ามีการอาการเอียงและแบนได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้รองเท้าที่มีอุ้งเท้าหรือแก้เท้าแบน
เด็กอายุ 4-6 ปี (Late Infant age) เป็นช่วงที่เด็กมีกิจกรรมทางกีฬามากขึ้น ทั้งกระโดด ปีนป่าย กระดูกเท้าจึงมีการพัฒนาและปรับตัวทางด้านรูปทรงของเท้าอย่างรวดเร็ว รองเท้าที่แนะนำในระยะนี้คือ รองเท้าหุ้มข้อเท้าและล็อคข้างใต้ข้อเท้าได้ โดยต้องไม่ยวบจนเกินไป แต่ไม่จำเป็นต้องมีซิลิโคนเสริมส้นเท้าเพื่อรองรับแรงกระแทก เพราะเด็กมีไขมันใต้ส้นเท้าที่รับแรงกระแทกได้ดีอยู่แล้ว ดังนั้น รองเท้าควรเป็นแบบพื้นราบและช่วงปลายเท้าควรยืดหยุ่นได้ดี โดยสังเกตได้จากการเดินไปข้างหน้า ส่วนปลายรองเท้าควรงอ แต่ต้องไม่งอตรงส่วนกลางของรองเท้า
เด็กอายุ 6-10 ปี (Elementary School age) กระดูกเท้าปรับตัวเข้ารูปมากขึ้น โดยในผู้ชายจะมีการขยายที่ข้อกลางเท้าและในผู้หญิงรูปเท้าจะปรับเรียวมากขึ้น ทั้งนี้ มีการศึกษาพบว่าในระยะนี้จะมีแรงกดกระทำต่อกระดูกส้นเท้ามากขึ้นจากกิจกรรมที่เพิ่มขึ้น จึงควรเลือกรองเท้าที่ส่วนของส้นเท้ายกสูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้น้ำหนักถ่ายเทมาที่ปลายเท้าแทน
เด็กอายุ 12-15 ปี (Late School age) กระดูกมีการพัฒนาและปรับตัวจนสมบูรณ์ ในผู้หญิงกระดูกเท้าจะโตเต็มที่ช่วงอายุ 12-13 ปี ขณะที่ผู้ชายกระดูกเท้าโตเต็มที่อายุประมาณ 14-15 ปี ดังนั้น การเลือกรองเท้าในวัยนี้จึงคล้ายกับการเลือกใช้รองเท้าในผู้ใหญ่
การเลือกรองเท้าให้เด็กในแต่ละช่วงอายุมีความแตกต่างกันเล็กน้อย โดยธรรมชาติของการพัฒนากระดูกเท้านั้นจำเป็นต้องมีแรงกดจากน้ำหนักตัวที่พอเหมาะต่อกระดูกเท้า เพื่อเลียนแบบการเจริญที่ปกติจากการเดินเท้าเปล่า (Barefoot) จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้รองเท้าหรืออุปกรณ์ดัดเท้าเสริมในรองเท้าเด็กที่ไม่มีปัญหาความผิดปกติ
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111