ปกติแล้วเวลาไปเยี่ยมชมโรงเรียนเรามักจะเห็นภาพที่เด็กๆ กำลังทำกิจกรรมอย่างสนุกสนาน หรือเรียนอย่างมีความสุข แต่คราวนี้โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์กรุงเทพ ประชาอุทิศ (SISB) ทำให้เราต้องทึ่ง เพราะไม่เพียงแต่ด้านการเรียนการสอนที่เพียบพร้อม ที่นี่เขายังเอาใจใส่แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ (จริงๆ ก็ไม่น้อย) อย่างอาหารการกินของเด็กๆ ด้วย
เพราะโภชนาการเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เด็กๆ เติบโตอย่างสมบูรณ์แข็งแรง พร้อมเรียนรู้ในด้านต่างๆ ในแต่ละวันได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเมื่อลูกๆ ไปโรงเรียนแล้ว คุณพ่อคุณแม่ต้องมั่นใจค่ะว่าเขาจะได้ทานอาหารที่มีคุณภาพ มีสารอาหารครบถ้วน และตรงตามวัยของเขา
ซึ่งที่ SISB ไม่ได้แค่คัดสรรวัตถุดิบที่ดีมาปรุงเป็นอาหาร แต่พวกเขาใส่ใจตั้งแต่การคิดเมนูโดยเชฟชื่อดัง และมีนักโภชนาการคอยคำนวณสารอาหารที่เด็กควรได้รับในแต่ละวันให้สอดคล้องตามวัย ไม่เพียงเท่านี้ เด็กที่แพ้อาหาร หรือแม้แต่เด็กที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานที่ต้องจำกัดปริมาณน้ำตาลหรือส่วนผสมอื่นๆ ก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเช่นกัน
เชฟกุ๊ก (MS. Kanisorn Chuainakorn) และคุณใหม่ (Ms. Rachatawan Phianbubpha) นักโภชนาการประจำโรงเรียนเล่าให้ฟังว่าที่โรงเรียนจะมี 3 เทอม เชฟกุ๊กจะเป็นคนคิดเมนูสำหรับน้องๆ ทั้ง 3 เทอม จากนั้นก็จะส่งต่อให้คุณใหม่คำนวณแคลลอรี่ พลังงาน และสารอาหารต่างๆ ที่เด็กๆ ควรได้รับในแต่ละวัน ซึ่งเมนูแต่ละเมนูเชฟกุ๊กจะกำหนดมาแล้วว่าต้องใส่เครื่องปรุงเท่าไหร่ วัตถุดิบเท่าไหร่ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการสารอาหารตามวัยของน้องๆ จากนั้นก็จะส่งต่อให้ทางห้องครัว เพื่อให้แม่ครัวปรุงตามสูตรที่ถูกต้อง
สำหรับน้องๆ ที่มีประวัติแพ้อาหารก็เช่นกัน เมื่อมีใบรับรองแพทย์แจ้งว่าแพ้อะไร เชฟกุ๊กและคุณใหม่ก็จะช่วยกันคิดส่วนผสมที่น้องกินแล้วไม่แพ้ให้ ซึ่งเด็กๆ จะไม่รู้สึกถึงความแปลกแยกที่ตนเองแพ้อาหารแล้วต้องกินข้าวกล่องฝีมือคุณแม่หรือต้องกินอาหารไม่เหมือนเพื่อน เพราะที่นี่สามารถเนรมิตรเมนูที่เด็กทุกคนกินได้เหมือนกัน เพียงเปลี่ยนวัตถุดิบสำหรับน้องที่มีประวัติแพ้อาหารโดยเฉพาะ และแยกเอาไว้ต่างหากเพื่อความปลอดภัย
แต่ละวันในครัวจะต้องเก็บตัวอย่างอาหาร และถ่ายรูปส่งให้เชฟและนักโภชนาการเก็บไว้ เพื่อรายงานผู้ปกครองให้ทราบว่าน้องๆ ทานอะไรที่โรงเรียนบ้าง เพราะหากมีเด็กท้องเสีย หรือแพ้อาหาร คุณหมอจะได้ทราบว่าอาหารที่กินมีอะไรบ้าง ส่วนผสมเท่าไหร่ เป็นต้น ซึ่งตัวอย่างอาหารเหล่านี้จะถูกเก็บไว้ในช่องแช่แข็ง อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 5 วัน
ส่วนในห้องครัวนั้น จะเปิดโล่งให้มองเห็นจากข้างนอกเลยค่ะ และที่นี่เขารักษาความสะอาดเป็นเลิศ มีด เขียง ต้องแยกสีกันเลยทีเดียว สีแดงสำหรับหั่นหมูเนื้อแดง สีเขียวไว้หั่นผัก สีฟ้าใช้กับอาหารทะเล สีเหลืองไว้หั่นไก่ และสีขาวใช้กับอาหารสุกแล้วเท่านั้น
นอกจากนี้เครื่องปรุงหรือส่วนผสมแต่ละอย่างก็จะมีสติ๊กเกอร์ระบุวัน เดือน ปี ที่รับเข้าติดไว้อย่างชัดเจน และเมื่อเปิดใช้แล้วต้องไม่เกินกำหนด เช่น อาหารสดต้องปรุงให้หมดภายในวันเดียว ไม่สต๊อกไว้ใช้นานๆ ผักผลไม้ เก็บไว้ไม่เกิน 3 วัน ถั่ว งา ธัญพืชต่างๆ เก็บได้นาน 1 เดือน ส่วนเครื่องปรุงรส ต้องไม่เกิน 7 วัน เป็นต้น
ที่สำคัญ ที่ SISB จะมีคุณครูคอยดูแลเวลาเด็กๆ ทานข้าวด้วยค่ะ อาหารบางอย่างเด็กอาจชอบจนกินมากเกินไป คุณครูจึงต้องคอยเตือน หรือหากน้องๆ ไม่ชอบกินผัก คุณครูและเชฟก็จะคอยเชียร์ให้น้องๆ กินให้มากที่สุด
อีกสิ่งที่รับประกันได้ว่าที่ SISB เขาจริงจังกับเรื่องโภชนาการของเด็กๆ ก็คือการใช้เตาอบไอน้ำ Self Cooking Center ที่มีฟังก์ชั่นหลากหลาย สามารถทำอาหารทอด ปิ้ง ย่าง นึ่ง ตุ๋น หรือแม้แต่ใช้อบขนมก็ยังได้
และที่ทำให้เชฟกุ๊กประทับใจมากที่สุดคือ Self Cooking Center เป็นเตาอบที่สามารถประกอบอาหารนานาชนิดได้อัตโนมัต ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ หมู ไก่ ปลา ผัก ไข่ หรือ เบเกอรี่ โดยที่เครื่องสามารถคำนวณเวลา และอุณหภูมิของการทำอาหารต่างชนิดได้พร้อมกัน แถมยังอัจฉริยะบันทึกเมนูได้ด้วยว่าเชฟทำเมนูอะไร ใช้ความร้อนเท่าไหร่ ใช้เวลานานแค่ไหน ไม่ต้องกังวลว่าจะจำสูตรผิดหรือเสียเวลาตั้งค่าใหม่ ที่สำคัญ เตานี้ยังมีระบบทำความสะอาดอัตโนมัติด้วย
จากโรงอาหารเราก็ไปเยี่ยมชมอาคารต่างๆ เห็นแล้วบอกเลยว่าดีงามมาก น่าอยู่ น่าเรียน น่าใช้มาก
อาคารเรียนฝ่ายอนุบาลและประถม
โรงยิมอเนกประสงค์
ห้องเรียนแห่งความสุข
เป็นเด็กนี่คงอยากไปโรงเรียนทุกวันเลย
ที่เก็บกระเป๋าเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก
ห้องเรียนแห่งความสุข
ห้องสมุดน่าเข้ามาก
หนังสือแนะนำและมุมหนังสือน่าอ่าน
จะใช้หาข้อมูล หรือทำรายงานอุปกรณ์ก็พร้อม
หมดปัญหาเรื่องการแบกกระเป๋านักเรียนหนักๆ เพราะที่นี่มีล็อกเกอร์ให้ค่ะ
สระว่ายน้ำขนาดมาตรฐาน
สปอร์ตคลับ สำหรับให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย
ออดิทอเรียมขนาดใหญ่
จุดรับส่งที่คุณพ่อ คุณแม่จะเข้ามารับและส่งลูกได้ ณ บริเวณนี้ คนนอกไม่มีสิทธิ์เข้าไปข้างในโดยไม่ได้รับอนุญาตเด็ดขาด ซึ่งตอนที่เรามาถ่ายรูปบริเวณนี้ มีเหตุการณ์ที่ทำให้พี่ รปภ. เข้าใจผิดมาแล้ว แต่ก็ต้องชื่นชมค่ะว่าเจ้าหน้าที่ รปภ. ปฏิบัติงานได้ดีเยี่ยม ช่างสังเกตและมีความไวต่อคนแปลกหน้า
นอกจากนี้แล้วที่ SISB ยังมีหอพักสำหรับนักเรียนที่มาจากต่างจังหวัดหรือต่างประเทศไว้รองรับด้วย ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลเลยว่าลูกจะไม่มีคนดูแลหรือจะไม่ปลอดภัย เพราะที่นี่แยกหอพักออกเป็น 2 ฝั่ง แบ่งชัดเจนระหว่างนักเรียนชายและนักเรียนหญิง แต่ละตึกมีครูดูแลอย่างใกล้ชิด และระบบรักษาความปลอดภัยดีมาก
หอพักที่นี่รับเด็กตั้งแต่ Primary 3 ถึง Year 13 หรือเด็กที่อายุระหว่า 8-18 ปี เด็กเล็ก 8-13 ปี จะพักรวมกันห้องละ 8 คน ขณะที่เด็กโต 14-18 ปี จะพักห้องละ 2 คน โดยแยกชั้นกันกับเด็กเล็ก
ห้องพักเด็ก 8-13 ปี
มีตู้เสื้อผ้าเป็นสัดเป็นส่วน
ห้องพักเด็กโตจะเล็กกว่า เพราะอยู่กัน 2 คน
มุมพักผ่อน
ห้องอ่านหนังสือ
มุมอ่านหนังสือหรือทำกิจกรรมเยอะมาก
มีห้องครัวให้ลูกทำกับข้าวด้วยค่ะ
จะเห็นว่า SISB ใส่ใจในรายละเอียดของเด็กนักเรียนเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะในส่วนของห้องเรียนหรือห้องพัก ทุกอย่างถูกจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้ออำนวยต่อความต้องการของเด็กๆ ทั้งสิ้น แน่นอนค่ะว่าคุณพ่อคุณแม่วางใจได้เลยว่าถ้าลูกยังอยู่ภายในรั้วโรงเรียน คุณครูและเจ้าหน้าที่จะดูแลลูกๆ ของเราเป็นอย่างดี
สอบถามรายละเอียด และจองเวลาเข้าเยี่ยมชมโรงเรียน ติดต่อสำนักงานรับสมัครนักศึกษา
โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ (เอสไอเอสบี) 498/11 ซอยรามคำแหง 39 (เทพลีลา1) แขวางวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310 โทร. 0 2158 9191 ต่อ 112-113 โทรสาร 0 2158 9192 Email : admissions@sisb.ac.th Website : www.sisb.ac.th Facebook : https://www.facebook.com/sisbprachautit/