เล่าถึงเรื่องโรงเรียนให้ลูกฟังบ่อยๆ
แม่กับพ่อจะเล่าถึงเรื่องโรงเรียนให้ลูกฟังบ่อยๆ และพาลูกไปเยี่ยมโรงเรียนใหม่กัน ลูกจะได้เห็นโรงเรียนอนุบาลที่เราตัดสินใจเลือกอย่างดีให้ลูกเรียน ได้รู้จักคุณครูของลูก ได้เห็นสนามเด็กเล่น ห้องเรียน วันหนึ่งลูกจะได้มาเล่นมาทำอะไรๆ ที่สนุกสนานเหมือนเด็กคนอื่นๆ ที่โรงเรียนนี้ ตอนเช้าคุณพ่อคุณแม่มาส่งให้เด็กๆทำกิจกรรม เล่น และอยู่กับคุณครู ตอนเย็นคุณพ่อคุณแม่ก็มารับ สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้ลูกนึกภาพออกว่าคำว่าโรงเรียน ครูและเพื่อนๆ ที่พ่อกับแม่เล่าให้ฟังเป็นอย่างไร พ่อกับแม่จะหมั่นพาลูกไปเที่ยวโรงเรียนสร้างความคุ้นเคยให้มากขึ้น และทำให้รู้สึกดีๆ ต่อการมาโรงเรียน สิ่งที่จะไม่ทำเด็ดขาดคือเอาโรงเรียนไว้ขู่ลูก เช่น ถ้าดื้อนักจะส่งไปโรงเรียนให้ครูจัดการ
ฝึกให้ลูกช่วยเหลือตัวเอง
ที่โรงเรียนใครจะช่วยป้อนข้าว ใส่กางเกงให้ล่ะ แย่แน่เลยอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ดีกว่า รู้ใจไปหมด บางทีไม่เห็นต้องพูดเยอะ แค่ขยับตัวก็รู้แล้วว่าเราอยากได้อะไร แม่กับพ่อจะไม่ยอมให้ลูกต้องรู้สึกอย่างนั้น แน่นอนลูกต้องแย่แน่เลย หากพ่อกับแม่ไม่ช่วยฝึกลูกให้รู้จักช่วยตัวเอง เรารู้ดีว่าการที่ลูกพึ่งตัวเองได้มากเท่าไหร่ความรู้สึกมั่นคงทางอารมณ์ของ ลูกจะตามมาทันที ทุกวันนี้แม่จะอดใจไว้ไม่ยอมเป็นคุณแม่นักบริการที่จะหยิบรองเท้ามาให้ และสวมใส่จนเสร็จ แถมฉุดมือให้ลุกขึ้นยืนอีกต่างหาก แม่จะอดทนรอให้ลูกได้ใช้ความพยายามทำด้วยตนเอง ให้กำลังใจลูก ชมเชยทุกขั้นตอน จนกว่าลูกจะทำได้ ลูกจะเรียนรู้ว่าความเพียรพยายามจะทำให้ลูกประสบความสำเร็จและลูกจะภาคภูมิใจในความสำเร็จของลูก
เพราะแม่รู้ว่าเมื่อถึงเวลาที่คุณ ครูให้เด็กๆ เล่นเครื่องเล่นสนาม ลูกของแม่จะช่วยตัวเองได้ดี ฉวยรองเท้าหยิบมาใส่ไปวิ่งเล่น ลูกของแม่จะไม่ต้องนั่งรอให้คุณครูมาใส่ให้ขณะที่เพื่อนๆ ออกไปวิ่งเล่นกันแล้ว พ่อของลูกก็จะอดทนและใจเย็น รอให้ลูกตักข้าวใส่ปากเอง หกบ้างเลอะบ้าง เพราะพ่อรู้ดีว่าเมื่อไปโรงเรียนลูกของพ่อจะได้หยิบช้อนส้อมตักอาหารใส่ปาก เองได้ คุณครูแม้จะรักและอยากช่วยเหลือลูกแต่คุณครูก็มีเด็กหลายคนที่ต้องดูแล พ่อกับแม่รู้ดีว่าหากหนูช่วยตัวเองได้น้อยหนูจะเป็นทุกข์ หนูจะยิ่งคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่มาก
ฝึกให้ลูกบอกความต้องการของตัวเองได้
หนู ต้องหงุดหงิดต้องกลุ้มใจแน่ๆ เลย ใครจะรู้ว่าหนูชอบอะไรไม่ชอบอะไร หรือเกิดถ้าหนูอยากได้อะไร ต้องการอะไร แล้วหนูจะพูดกับใครดี เมื่ออยู่บ้านลูกรู้ดีว่าไม่มีใครรู้ใจลูกเท่ากับพ่อและแม่ ลูกแทบไม่ต้องเอ่ยปากเลยว่าอยากได้อะไร เมื่อลูกเริ่มแสดงอาการบิดไปบิดมาเรารู้แล้วว่าลูกอยากเข้าห้องน้ำแน่นอน และลูกเริ่มหงุดหงิดตอนบ่ายโมงรู้แล้วว่าอยากให้แม่กล่อมนอนแล้ว แต่พ่อกับแม่ก็รู้อีกเช่นกันว่าเมื่อลูกไปโรงเรียนหนูต้องหัดบอกให้คนอื่น เข้าใจด้วยว่าลูกต้องการอะไร คุณครูจะได้รู้ว่าลูกอยากได้อะไร รู้สึกอย่างไร ไม่ใช่กับครูเท่านั้น ยังต้องบอกกับเพื่อนๆด้วย ลูกกับเพื่อนๆ จะได้รู้ใจกันเร็วขึ้น เช่น อย่าแย่งของเล่น ไม่ชอบ เราหยิบมาก่อนนะ ลูกจึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเวลาที่ลูกเอามือชี้จะเอาอะไรแล้วเราไม่หยิบให้ ทันที แต่จะบอกลูกว่า "ลูกต้องการอะไร บอกซิจ้ะ"
พ่อกับแม่รู้ดีว่าถ้าลูกบอกความต้องการได้ดี ลูกก็จะคลายความหงุดหงิดใจได้มากในเวลาที่ลูกเริ่มปรับตัวกับการไปโรงเรียน แต่ตรงกันข้ามหากลูกไม่สามารถสื่อสารกับใครให้เข้าใจได้ ลูกจะอึดอัด โมโห คับข้องใจ พาลก้าวร้าวอาละวาดได้อย่างง่ายดาย เพราะที่โรงเรียนช่างไม่มีใครรู้ใจเลยสรุปแล้วอยู่บ้านดีกว่า
ทำความเข้าใจกับลูกถึงการไปโรงเรียน
แม่กับพ่อรู้ดีว่ายากมากสำหรับลูกที่จะจัดการกับความรู้สึกกลัวการจากกัน ก็วัยของลูกเป็นวัยที่กลัวการพลัดพราก กลัวพ่อแม่จะทิ้งไป คราวนี้ยังต้องจากกันไปอยู่ที่ที่ไม่คุ้นเคยอีกด้วย แม่กับพ่อพยายามฝึกให้ช่วยตัวเองและอะไรอีกหลายอย่างให้พร้อมกับการไป โรงเรียน แต่เรารู้ดีว่าสิ่งที่ยากที่สุดคือการทำใจในเรื่องการพลัดพรากของลูก เพราะมันเหมือนวิกฤตครั้งใหญ่และครั้งแรกในชีวิตลูก พ่อกับแม่เข้าใจและจะพยายามช่วยลูกให้มากที่สุด ทุกวันนี้เวลาจะไปทำงานเราจึงไม่หลบหรือแอบหนีไป แต่จะบอกลูกทุกครั้งว่า "พ่อกับแม่ไปทำงานนะ เย็นๆ จะกลับมาอยู่กับลูก" แม้จะเห็นว่าลูกร้องไห้ แต่ก็พยายามใจแข็งและทำให้สถานการณ์ตรงนั้นเป็นปกติ พ่อแม่มั่นคงเข้มแข็งก็จะช่วยให้ลูกเข้มแข็งด้วย
ในที่สุดลูกก็จะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำ สม่ำเสมอ แม้ว่าลูกร้องไห้ แม่ก็ต้องไป และตอนเย็นก็จะพบกันใหม่ แม่กับพ่อไม่พยายามทำตัวเองเหมือนนินจาหายตัวได้ ลูกจะไม่ใจหาย เหมือนอยู่ๆเมื่อนึกถึงแม่กับพ่อขึ้นมาแล้วเราทั้งคู่หายตัวไปแล้ว แล้วไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมา เมื่อไหร่จะหายไปอีก สิ่งที่พ่อกับแม่จะไม่ทำและไม่ยอมให้ใครทำคือ การขู่ลูกด้วยคำพูด เช่น ถ้าเกเรนักแม่กับพ่อจะทิ้งไปแล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้จะสร้างความรู้สึกหวาดกลัวต่อการถูกทอดทิ้ง จะทำให้ลูกขาดความมั่นใจยามที่ลูกต้องเผชิญกับความรู้สึกพลัดพรากเมื่อต้องไปโรงเรียน