โพสต์รูปลูกลงโซเชี่ยลมีเดีย ใครๆ ก็ทำกัน แต่แม่ๆ รู้ไหมอันตรายกว่าที่คิด
ลูกเราน่ารักที่สุด เป็นธรรมดาที่คนเป็นพ่อแม่อยากเก็บทุกช่วงเวลาการเติบโตของลูกเอาไว้ แต่เก็บไว้ในมือถือก็กลัวเมมโมรี่เต็ม แชร์ในโซเชียลมีเดียแทนก็สะดวกไม่น้อย คนอื่น ๆ ได้เข้ามาชื่นชมลูกเราด้วย
แต่คุณพ่อคุณแม่รู้ไหม ว่าเจตนาดีของเรานั้น อาจกำลังทำร้ายลูกอยู่ก็ได้
เพราะชุดนักเรียนที่ลูกใส่ สถานที่ที่ลูกไป การเอ่ยชื่อลูกในคลิปวิดีโอ ช่วงเวลาที่พ่อแม่ไปรับลูก ชื่อครูประจำชั้น อาจเป็นข้อมูลให้มิจฉาชีพ หรือผู้ไม่หวังดีติดตามความเคลื่อนไหวของลูกและนำไปสู่อันตราย เช่น การสะกดรอยตาม การลักพาตัวเด็ก เป็นต้น
ลูกเราไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน และผู้ใหญ่หลายคนก็ไม่ได้ใจดีกับเด็ก การโพสต์ภาพหรือคลิปวิดีโอของลูกอาจทำให้คนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ หัวเราะขบขัน หรือล้อเลียนได้
การโพสต์รูปหรือคลิปวิดีโอของลูกอาจถูกคุกคามทางเพศจากคนที่มาคอมเม้นท์หรือแชร์ออกไปได้
โดยเฉพาะภาพหรือคลิปวิดีโอโป๊เปลือยของลูก เช่น ขณะที่ลูกกำลังอาบน้ำ เล่นน้ำ หรือเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ พ่อแม่อาจมองว่าน่ารัก แต่ความจริงแล้วเป็นช่องทางที่ทำให้ภาพหรือคลิปของลูกถูกนำไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ลามกอนาจาร
การโพสต์รูปลูกลงโซเชียลมีเดียอาจนำไปสู่การสร้างตัวตนให้ลูกโดยที่เขาไม่ได้ต้องการ ลูกอาจรู้สึกกดดันเมื่อพ่อแม่และผู้ที่กดติดตามมีความคาดหวัง ว่าจะต้องดูดี น่ารักหรือทำตามคลิปที่เคยดูเมื่อพบเจอตัวจริง ซึ่งนั่นอาจทำให้ลูกสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป
พ่อแม่คือคนแรกที่ต้องปกป้องสิทธิเสรีภาพของลูก ก่อนจะโพสต์รูปลูก หากลูกยังคิดและพูดไม่ได้ ก็พึงใช้วิจารณญาณว่าเหมาะสมหรือไม่ หากลูกโตแล้ว ตอบได้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร พ่อแม่ควรขออนุญาตลูกก่อนทุกครั้ง
หากพ่อแม่เคยเห็นมีมหรือภาพที่ทำล้อเลียนเกี่ยวกับรูปที่ถ่ายเอง กับรูปที่เพื่อนแท็ก ว่ารูปที่ถ่ายเองนั้นดูดี น่ารัก ส่วนรูปที่เพื่อนแท็ก หน้าตาเหยเก หลับตา อ้าปาก ความรู้สึกของลูกเองก็คงประมาณนั้น
เพราะทุกครั้งที่เราโพสต์อะไรลงในโซเชี่ยลมีเดีย นั่นคือ Digital Footprint ของคนคนนั้น แม้สิ่งที่พ่อแม่คิดว่าน่ารัก อาจเป็นเรื่องที่น่าอับอายสำหรับลูก ถึงจะตามไปลบอดีตได้แต่อาจมีคนแค็ปทัน
อ้างอิง : Rama chanel