Q&A ขอวิธีให้อาหารเสริมลูก 6 เดือน
ถึงวัยเริ่มกิน อาหารเสริม แม่กังวลลูก ทารก จะขาดสารอาหาร หากให้ อาหารเสริม ไม่ถูกหลัก
Q : เป็นคุณแม่มือใหม่ตอนนี้ลูก 6 เดือนแล้ว ต้องเริ่มกินอาหารเสริม เลยอยากจะขอเมนูอาหารเสริมสำหรับลูก และควรให้กินกี่มื้อต่อวัน ควรให้ก่อนหรือหลังกินนมแม่ ควรเป็นเมนูแบบใดดี กลัวลูกขาดสารอาหารค่ะ
เจนจิรา / นครปฐม
A : อาหารเสริมตามวัย คือ อาหารที่ให้ทารกกินเพื่อเสริมสารอาหารเพิ่มเติมจากนมแม่ เนื่องจากเมื่อทารกอายุ 6 เดือน ปริมาณนมแม่ที่คุณแม่ผลิตได้ต่อวันนั้นจะมีพลังงานและปริมาณสารอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของทารก
ทารกจึงจำเป็นต้องได้รับอาหารเสริมตามวัยเมื่ออายุ 6 เดือน 1-2 มื้อ อายุ 8-9 เดือน 2-3 มื้อ และอายุ 10-12 เดือน 3 มื้อ
การเริ่มให้อาหารเสริมตามวัยนั้นควรเริ่มฝึกให้กินมื้อที่คุณแม่สะดวกมีเวลาก่อนและให้กินทดแทนนมแม่มื้อนั้นเลย จำนวนมื้อของการให้ขึ้นกับความชอบและความพร้อมของลูกที่จะรับได้ เด็กบางคนอายุ 6 เดือน กินอาหารเสริมตามวัยได้ 1 มื้อ แต่บางคนอาจสามารถกินอาหารเสริมได้ 2 มื้อแล้ว บางคนอายุ 8 เดือน ก็กินอาหารเสริม 2 มื้อ ในขณะที่เด็กบางคนสามารถกินได้ 3 มื้อ
เมื่อกินอาหารเสริมตามวัยแทนนมแม่ได้กี่มื้อ ลูกก็จะกินนมแม่น้อยลงตามจำนวนมื้อที่ลูกกินอาหารเสริมเพิ่มขึ้น เช่น เดิมเคยดื่มนมแม่ 6-8 มื้อ เมื่อลูกกินอาหารเสริมตามวัยได้ 1 มื้อ ลูกก็จะกินนมแม่ลดลงเหลือ 5-7 มื้อ เมื่อลูกกินอาหารเสริมตามวัยได้ 3 มื้อ ลูกก็จะกินนมแม่ลดลงเหลือประมาณ 3-5 มื้อ
เพราะฉะนั้นอาหารเสริมที่ให้ลูกกินแทนนมแม่จะต้องมีคุณค่าทางอาหารครบ 5 หมู่ คาร์โบไฮเดรตจากแป้ง ข้าว โปรตีนจากเนื้อสัตว์ ไข่ พืชตระกูลถั่ว ไขมันจากน้ำมันพืช วิตามินและเกลือแร่จากผัก ผลไม้
ส่วนเมนูและวิธีการปรุง ควรเริ่มจากปริมาณน้อยและเลือกชนิดที่คิดว่าลูกชอบและสามารถกินได้ก่อนจนลูกคุ้นเคยค่อยเพิ่มปริมาณและปรับเปลี่ยนชนิดของอาหารและเมนูในภายหลัง
รศ.นพ.สังคม จงพิพัฒน์วณิชย์
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทารกท้องผูกเป็นปัญหาที่คุณแม่มือใหม่หลายคนต้องเจอค่ะ เรามาสังเกตกันก่อนว่าแบบไหนที่เรียกว่าลทารกท้องผูก และหากลูกท้องผูกจริงๆ จะต้องดูแลอย่างไรให้ลูกอึง่าย สบายท้อง
ลูกท้องผูก คุณแม่มือใหม่ต้องรับมืออย่างไรให้ลูกสบายท้อง สุขภาพดี
เชื่อเลยว่าคุณแม่มือใหม่แทบทุกคนต้องเจอปัญหาลูกท้องผูก แถมยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วอาการที่ลูกไม่อึหลายวันเรียกว่าท้องผูกจริงไหม ต้องรับมืออย่างไรเพื่อช่วยให้ลูกอึ และไม่ท้องผูกอีก วันนี้เรามีคำแนะนำที่จะมาช่วยให้คุณแม่รับมือกับปัญหาลูกท้องผูก ช่วยให้ลูกอึง่าย สบายตัว สบายท้องค่ะ
ความรู้เบื้องต้นเรื่องการขับถ่ายของลูกทารก
โดยปกติในช่วง 2-3 อาทิตย์แรกหลังลืมตาดูโลก ลูกน้อยที่ดื่มนมแม่มักจะถ่ายวันละหลายรอบต่อวัน เฉลี่ยวันละ 4 ครั้ง จากนั้นจะลดความถี่ลง จนเข้าสู่ช่วงอายุ 6 เดือน ถือเป็นช่วงวัยที่มีอาการท้องผูกมากที่สุดไปจนถึงอายุ 4 ขวบ เพราะเป็นช่วงที่ลูกเริ่มกินรับประทานอาหารเสริมที่มีกากใยสูง รวมไปถึงในบางกรณีก็เป็นช่วงที่คุณแม่บางคนเริ่มให้ลูกดื่มนมเสริมแล้วค่ะ
เด็กนมแม่ – ปกติแล้วลูกแรกเกิดเมื่อดื่มนมแม่แล้วจะขับถ่ายง่ายและไวมาก แต่เมื่อเริ่มเข้าเดือนที่ 2 เป็นต้นไป เด็กนมแม่บางคนจะเริ่มไม่ค่อยถ่าย โดยอาจจะใช้เวลา 3-4 วันถึงถ่ายครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่อาการท้องผูกค่ะ เพราะนมแม่ย่อยง่าย ร่างกายลูกดูดซึมได้หมด และแทบไม่มีกากใยเหลือเป็นเนื้ออุจจาระ ดังนั้นจึงใช้เวลาหลายวันจึงจะมีก้อนอุจจาระมากพอให้มีแรงเบ่งออกมันนั่นเอง
อาการแบบไหนที่เรียกว่าลูกท้องผูก
สังเกตง่าย ๆ เวลาถ่ายอุจจาระ ลูกเบ่งจนหน้าแดง บิดตัว ร้องงอแง เมื่อก้อนอุจจาระออกมาแล้วจะมีลักษณะแข็งทำให้ลูกก้นแดง หรือบางครั้งอาจทำลำไส้หรือรูทวารฉีกขาดจนมีเลือดติดออกมาด้วย หากลูกเข้าข่ายอาการท้องผูก คุณแม่จะต้องรีบแก้ไขค่ะ เพราะหากปล่อยไว้อาจส่งผลต่อลำไส้และระบบขับถ่ายของลูกในระยะยาว
วิธีแก้ปัญหาลูกทารกท้องผูก
- ให้ลูกดื่มนมแม่ให้นานและมากที่สุด เพราะนมแม่ย่อยง่าย และช่วยทำลำไส้ ระบบขับถ่ายทำงานได้ปกติค่ะ
- สำหรับเด็กที่กินรับประทานอาหารเสริม ควรเลือกอาหารที่ย่อยง่ายเป็นหลัก และให้ระหว่างป้อนอาจป้อนน้ำซุปสลับไปด้วย เพื่อช่วยให้ย่อยง่าย
- ควรให้ลูกได้กินรับประทานผักผลไม้ เพราะเป็นอาหารที่มีกากใยสูง ช่วยในระบบขับถ่ายได้ตั้งแต่เริ่มอาหารเสริมไปจนโตค่ะ
- กรณีที่มีความจำเป็นต้องให้ลูกดื่มนมเสริม คุณแม่ควรคำนึงถึงระบบย่อยของลูกเป็นหลัก เพราะลำไส้ ระบบย่อย และขับถ่ายของลุกยังทำงานได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นนมเสริมจึงควรเป็นนมย่อยง่าย อย่างการเลือกนมแพะ ที่มีโปรตีนย่อยง่าย และยังเสริมทัพด้วย Prebiotics อย่าง Inulin & Oligofructose ที่เป็นตัวกระตุ้นการเจริญของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ช่วยให้ลูกน้อยขับถ่ายดี ท้องไม่ผูก สร้างภูมิคุ้มกันที่ดี การสวนทวาร โดยปกติแล้วคุณหมอจะไม่ค่อยแนะนำให้สวนทวารเด็กๆ เพราะจะไปขัดขาวงกระบวนการขับถ่ายตามธรรมชาติของเด็ก ยิ่งสวนบ่อยๆ ลูกก็จะเคยชินกับการสวนและไม่มีเบ่งอึเอง ดังนั้นการสวนควรทำก็ต่อเมื่อลูกไม่อึหลายวันและมีอาการผิดปกติจนไม่สบายตัวจริงๆ เท่านั้น และวิธีการ รวมถึงยาสวนทวารควรอยู่ในการแนะนำของคุณหมอค่ะ
อาการท้องผูกเกิดขึ้นได้กับเด็กทุกวัย เป็นสิ่งที่พ่อแม่กังวลใจเป็นอย่างมาก มาดูวิธีการรับมืออาการลูกท้องผูกกันค่ะ
ทารกท้องผูก ลูกท้องผูกแต่ละวัยต่างกันอย่างไร พร้อมวิธีแก้อาการท้องผูก
ทำไมทารกท้องผูก ลูกท้องผูก
อาการท้องผูกคือ อาการที่ถ่ายลำบาก อาจมีก้อนอุจจาระแข็ง ต้องใช้แรงเบ่งมาก หรือปวดเวลาอุจจาระผ่านออกมา ไม่มีการเคลื่อนไหวของลำไส้ และถ้าหากเกิดในเด็กแล้ว เจ้าหนูก็จะกลัวการถ่ายอุจจาระ เพราะว่าก้อนอุจจาระแข็ง ตอนเบ่งอาจทำให้รูทวารฉีกขาดได้ โดยปกติแล้วลำไส้ใหญ่ จะมีหน้าที่ดูดน้ำกลับเข้าสู่ร่างกาย หากอุจจาระค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่นาน อุจจาระจะถูกดูดน้ำจนแข็งและแห้ง เวลาถ่ายยิ่งจะเจ็บมากขึ้นตามลำดับ เวลาปวดท้องเด็กก็จะอั้นไว้ก่อน เพราะกลัวว่าอึแล้วจะเจ็บ ก็เป็นวงจรวนไป
ลูกแต่ละวัยท้องผูกต่างกันอย่างไร
- ทารกแรกเกิด - 1 เดือน : หากมีอาการท้องผูก อาจมีสาเหตุจากตัวลำไส้ใหญ่ของเด็กมีปัญหา เช่น ระบบประสาทในลำไส้เจริญผิดปกติ คุณแม่ควรพบคุณหมอเพื่อหาทางรักษา
- อายุ1 เดือน - 6 เดือน : มักจะมีปัญหาท้องผูกน้อย สำหรับเด็กที่กินนมแม่มักจะไม่ค่อยมีปัญหาท้องผูก
- อายุ7 เดือน - 1 ปี : หากลูกกินนมผสมอาจจะเริ่มมีอาการท้องผูกเกิดขึ้นได้จากการเปลี่ยนสูตรนม ซึ่งวัยนี้เริ่มกินอาหารเสริมแล้ว คุณแม่ควรเพิ่มผักและผลไม้เข้าไปในเมนูอาหารเสริม
- อายุ1 ปี - 3 ปี : สำหรับวัยนี้ สาเหตุมักจะมาจากนิสัยการกินของตัวเด็กเอง กินอาหารที่มีกากใยน้อย ดื่มน้ำน้อย ไม่ออกกำลังกายและมีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อย ดูแลลูกท้องผูก นอกจากการใช้ยาเพื่อช่วยลดอาการแล้ว การปรับพฤติกรรมจะช่วยลดอาการท้องผูกได้ยั่งยืนกว่า
อาหารและเครื่องดื่มช่วยแก้อาการทารกท้องผูก ลูกท้องผูก
-
ดื่มน้ำเพื่อให้อุจจาระอ่อนตัวช่วยลดอาการท้องผูกได้ โดยเฉพาะในตอนเช้า ทุกๆเช้าหลังตื่นนอนประมาณ 1 ถึง 2 แก้วจะช่วยได้
-
ดื่มน้ำลูกพรุนสกัด เด็กเล็กอาจผสมกับนมผงที่กินประจำให้กินได้ ลูกพรุนช่วยในการขับถ่ายเป็นอาหารที่มีกากใยมาก ช่วยลดอาการท้องผูกได้
-
กินมะละกอสุก เป็นการช่วยลดอาการท้องผูกได้ หรือการดื่มน้ำผักหรือผลไม้ปั่นช่วยลดอาการท้องผูกได้
วิธีแก้อาการทารกท้องผูก ลูกท้องผูก
- นั่งลงในอ่างน้ำอุ่นแช่ประมาณ 5 นาทีหลังถ่าย จะช่วยในการลดอาการปวดรูทวารจากการถ่ายอุจจาระที่แข็งได้ หรือฝึกให้เด็กขับถ่ายให้เป็นเวลาตอนเช้าหลังตื่นนอนก็ได้ และให้สม่ำเสมอ
- วิธีสวนถ่าย โดยการใช้สบู่เหลาเป็นแท่งเล็กมนๆ สอดใส่เข้าไปในทวารสำหรับเด็กทารก ใช้ในกรณีถ่ายไม่ออกหลายวัน และควรต้องพาไปพบแพทย์หากเด็กเป็นบ่อยๆ
ลูกทารกตดบ่อยมาก แต่ไม่ถ่ายอาจเกิดจากมีลม แก๊สในท้องที่เกิดจากการดื่มนมหรืออาหารเสริมที่กิน ลูกไม่ถ่ายแต่ตดบ่อยต้องทำอย่างไร เรามีคำแนะนำค่ะ
ทารกไม่ถ่าย แต่ตดบ่อย แบบนี้เรียกว่าลูกท้องผูกได้หรือเปล่า
ทารกไม่ถ่ายแต่ตดบ่อยเกิดจากอะไร
ทารกที่ไม่ถ่ายแต่ตดบ่อย เราอาจแยกกลุ่มดังนี้ค่ะ
- ทารกแรกเกิด – 6 เดือนที่กินนมแม่ล้วน ทั้งจากเต้าหรือจากขวด อาจมีลมเข้าท้องมากในช่วงดื่มนม ทำให้มีลมสะสมในท้องและตดออกมาค่ะ และสำหรับเด็กที่กินนมแม่ล้วนแล้วไม่ถ่ายหลายวัน ถือว่าปกติ เพราะนมแม่ย่อยง่าย ไม่ค่อยเหลือกากใยค้างในระบบขับถ่ายให้เกิดแรงดันในกระบวนการขับถ่าย
- ทารกที่ดื่มนมผสม อาจกลืนลมจากในขวดนมเข้าไปมาก หรือ สูตรนมที่ดื่มไม่เหมาะกับระบบย่อย จึงทำให้ย่อยนมได้ไม่ดี เกิดการสะสมเป็นแก๊สในท้อง
- ทารกที่เริ่มกินอาหารเสริม อาจเกิดจากระบบย่อยอาหารไม่หมด เกิดการสะสมเป็นแก๊สในท้อง
- คุณแม่ให้นมกินอาหารที่สร้างแก๊ส เช่น กะหล่ำปลีสด ถั่ว หัวหอม เป็นต้น
ทารกไม่ถ่าย แต่ตดบ่อย เรียกว่าลูกท้องผูกใช่ไหม
ทารกที่ไม่ถ่ายแต่ตดบ่อย จะเข้าข่ายท้องผูกได้ต้องมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ท้องบวมขึ้น เบ่งนาน เบ่งจนหน้าแดง มีอาการท้องอืดร่วมด้วย เป็นต้น เราอาจสังเกตได้จากจำนวนครั้งในการขับถ่ายด้วย คือ ถ้าลูก ที่ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 2 ครั้ง/สัปดาห์ เป็นเวลามากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป ก็เข้าข่ายท้องผูกได้
ช่วยไล่ลมในท้องลูก แก้อาการทารกตดบ่อย
- ให้ลูกเข้าเต้าถูกท่า (หน้าเชิด คางชิดเต้า ปากครอบลานนม) และกระตุ้นให้ลูกดูดด้วยความเร็วสม่ำเสมอจนกว่าจะอิ่ม
- หากดื่มนมขวด ให้ไล่อากาศออกจากขวดนมก่อน หรือ เลือกใช้ขวดนมที่ออกแบบมาเพื่อลดการเกิดอากาศในขวดได้
- เมื่อลูกกินนมอิ่มแล้ว อุ้มให้เรอก่อนวางนอน
- นวดท้องลูกหรือทำท่ากายบริหารช่วงท้องลูกแบบง่าย ๆ คือ จับขาทั้งสองข้างในท่ายก 90 องศา แล้วดันขาลูกเข้าช่วงท้องอย่างช้า ๆ ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง
- การเริ่มอาหารเสริม หรือ อาหารแต่ละมื้อของลูก ควรเริ่มจากอาหารบด อาหารย่อยง่าย
- คุณแม่ให้นมควรเลี่ยงการกินอาหารที่อาจทำให้เกิดแก๊สในช่วงให้นมลูก
นมสำหรับทารกและเด็กเล็ก เลือกยังไงดี
นมแม่คืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับเด็กทารก มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์หลากหลายชนิด เปรียบเหมือนวัคซีนหยดแรกที่สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูก แต่ถ้าแม่อยู่ในสภาวะที่ไม่อาจให้นมหรือนมแม่มีไม่เพียงพอ จะเลือกซื้อนมให้ลูกอย่างไรดี อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) มีคำแนะนำให้ค่ะ
นมผสมหรือนมผงเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับทารกและเด็กเล็ก คือ นมหรือผลิตภัณฑ์อื่นที่ใช้เป็นอาหาร มีส่วนประกอบของสารอาหารที่เหมาะสมและเพียงพอจะใช้เลี้ยงทารกและเด็กเล็ก แบ่งเป็น 2 ประเภท
1. นมดัดแปลงสำหรับทารกหรืออาหารทารก
เป็นผลิตภัณฑ์ที่มุ่งหมายใช้เลี้ยงทารกตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 12 เดือน มีสารโปรตีน ไม่น้อยกว่า 1.8 กรัมของเคซีน สารคาร์โบไฮเดรตต้องเป็นน้ำตาลแลคโตส และสารไขมันไม่น้อยกว่า 3.3 กรัม และไม่เกิน 6.0 กรัม ในจำนวนที่ให้พลังงาน 100 กิโลแคลอรี่
2. นมดัดแปลงสูตรต่อเนื่องสำหรับทารกและเด็กเล็กหรืออาหารสูตรต่อเนื่องสำหรับทารกและเด็กเล็ก
เป็นผลิตภัณฑ์ที่มุ่งหมายใช้เลี้ยงทารกที่มีอายุตั้งแต่ 6 - 12 เดือน หรือเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 1 - 3 ปี มีสารโปรตีนไม่น้อยกว่า 3.0 กรัมของเคซีน และสารไขมันไม่น้อยกว่า 3.0 กรัม และไม่เกิน 6.0 กรัม ในจำนวนที่ให้พลังงาน 100 กิโลแคลอรี่
หากเด็กอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป สามารถกินนมกล่อง UHT หรือพาสเจอร์ไรซ์ได้ เนื่องจากเด็กจะได้รับอาหารตามวัยซึ่งครบ 5 หมู่อยู่แล้วจึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้นมที่เติมสารอาหารตามข้างตัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภาวะโภชนาการของเด็กแต่ละคน
หลักการเลือกซื้อนมสำหรับทารกและเด็กเล็ก
1. ควรอ่านฉลากอาหารและข้อมูลทางโภชนาการก่อนเลือกซื้อ
สารอาหารที่กฎหมายบังคับให้ต้องแสดงค่าพลังงานและปริมาณสารอาหาร ได้แก่ ปริมาณพลังงานและสารอาหารที่ให้พลังงานวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ การอ่านฉลากอาหารและข้อมูลโภชนาการจะช่วยให้คุณแม่สามารถเลือกซื้อนมให้ลูกน้อยได้เหมาะสมกับความต้องการหรือภาวะทางโภชนาการ
2. เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเลขสารบบอาหาร
และเลือกซื้อให้เหมาะสมกับอายุของทารก ผลิตภัณฑ์ส่วนมากจะระบุอายุของทารกไว้ที่ฉลากอาหาร
3.เลือกผลิตภัณฑ์ที่บรรจุภัณฑ์เรียบร้อยและยังไม่หมดอายุ
สังเกตบรรจุภัณฑ์และวันหมดอายุก่อนซื้อ เพราะหากนมหมดอายุแล้วคุณค่าของสารอาหารอาจเปลี่ยนไป ที่สำคัญอาจทำให้ลูกมีปัญหาไม่สบายนท้อง ท้องร่วง ท้องเสีย อาหารเป็นพิษได้
4.มีรายละเอียดที่ต้องแสดงบนฉลากอาหาร
ได้แก่ ชื่ออาหาร เลขสารบบอาหาร ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ส่วนประกอบสำคัญ ข้อมูลโภชนาการ คำแนะนำการใช้และการเก็บรักษา วันเดือนและปีที่ผลิตและหมดอายุ ปริมาณอาหาร วิธีเตรียม ข้อความสิ่งสำคัญที่ควรทราบ
นมแม่ดีที่สุดสำหรับทารก แต่หากแม่มีปัญหาในการให้นมแม่ ควรศึกษาประเภทของนมและเลือกนมที่ดีและเหมาะสมสำหรับลูกทารกเพื่อทดแทนนมแม่ ส่วนแม่ที่อยากให้ลูกดื่มนมแต่น้ำนมมีน้อย ให้ระมัดระวังการซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อวดอ้างสรรพคุณเพิ่มน้ำนมมากินเอง เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อลูกได้ Get the latest version of Ledger Live Download PC for seamless management of your cryptocurrency portfolio on your Windows device.
ที่มา : FDATHAI
นมเสริมสำหรับเด็กใครว่าไม่สำคัญ แม่เลือกถูก ลูกพัฒนาการสมองดี เรียนรู้ไม่มีสะดุด
นมเสริมสำหรับเด็กตามช่วงวัย เป็นสิ่งจำเป็นที่คุณแม่จะต้องเลือกให้เหมาะสมกับลูกที่มีความต้องการต่างกัน เพื่อให้เขามีพัฒนาการสมวัย เรียนรู้ได้ดี ไม่มีสะดุด จะเลือกนมเสริมอย่างไร เสริมนมสูตรไหนให้เหมาะกับลูก เรามีคำแนะนำค่ะ
ลูกท้องผูก ท้องอืด โคลิก แหวะนม ปัญหาอันดับต้นที่แม่ต้องรู้ก่อนเลือกนมเสริม
รู้ไหมคะว่า เมื่อลูกเริ่มดื่มนมเสริม ปัญหาอันดับหนึ่งที่พบบ่อยคือ อาการท้องผูก ลูกท้องอืด ซึ่งส่งผลทำให้ไม่สบายท้อง ร้องกวนและโคลิกนั่นเอง สาเหตุหลักมักมาจากระบบย่อยของเด็กยังทำงานไม่สมบูรณ์ ยังไม่สามารถย่อยโปรตีนและน้ำตาลแลคโตสในนมได้หมดจนเกิดเป็นแก๊สในท้อง หากปล่อยไว้นาน อาการท้องผูก ท้องอืด จะส่งผลต่อพัฒนาการเด็กในระยะยาว นั่นคือ ลูกไม่สบายตัว อารมณ์ไม่ดี ไม่พร้อมเรียนรู้ ทำให้การพัฒนาการทั้ง EQ และ IQ สะดุดได้เลยค่ะ ดังนั้น นอกจากสารอาหารสำคัญในนมแล้ว การเลือกสูตรนมที่เหมาะสมสำหรับลูก จึงควรช่วยลดและป้องกันอาการท้องผูก ท้องอืดที่เป็นปัญหาสำคัญนี้ด้วยค่ะ
นมเสริมสำหรับเด็ก เสริมนมสูตรไหนถึงจะเหมาะกับพัฒนาการของลูก
เด็กทุกคนมีความต่างกันค่ะ ดังนั้น การเลือกนมเสริมหรือสูตรนมจึงจำเป็นต้องเลือกให้เหมาะกับความต้องการ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการของเขาให้มากที่สุด
นมเสริมสำหรับลูกที่มีอาการท้องผูก ท้องอืด โคลิก แหวะนม
สูตรนมเสริมสำหรับลูกท้องผูก ท้องอืดบ่อย ๆ ควรเป็นนมที่มีโปรตีนนมที่ผ่านการย่อยบางส่วน(PHP) ทำให้ขนาดเล็กลง น้ำตาลแลคโตสต่ำกว่าสูตรปกติ นมสูตรนี้จึงย่อยง่ายและดูดซึมที่ลำไส้ได้ดี ช่วยลดอาการไม่สบายท้อง ท้องอืด ท้องผูก ร้องกวน แหวะนม เหมาะสำหรับลูกที่ต้องการสูตรนมที่อ่อนโยน และควรมีสารอาหารสำคัญที่ส่งเสริมการทำงานของสมองไปพร้อมกัน เช่นDHA MFGM หรือเยื่อหุ้มอนุภาคไขมันที่พบได้ในนมแม่ เป็นต้น ทำให้เขาได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กตามช่วงวัย เรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีสะดุดค่ะ
PHP คือ Partially Hydrolyzed Protein โปรตีนนมที่ผ่านการย่อยบางส่วน จะมีขนาดโมเลกุลบางส่วนเล็กลงเมื่อเทียบกับโปรตีนปกติ ซึ่งคุณแม่มักเรียกนมสูตรที่มี PHP ว่า นมสูตรย่อยง่าย โดยมีผลวิจัยระบุว่า PHP ช่วยลดอาการไม่สบายท้องได้ภายใน 24 ชั่วโมง และช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่มคงตัว ไม่แข็ง ทำให้ถ่ายง่าย* หากลูกมีอาการดื่มนมแล้วท้องผูก ท้องอืด ลองมองหานมเสริมสูตรนี้ค่ะ
*Berseth CL et al, Cline pediatr (Phila). 2009;48:58-65.
นมเสริมพัฒนาการสมองสำหรับลูกวัยพร้อมเรียนรู้
สำหรับเด็ก ๆ ที่ไม่ได้มีอาการไม่สบายท้อง ก็อาจเลือกนมสูตรเสริมพัฒนาการสมองค่ะ เช่น ช่วง 3 ขวบปีแรก เป็นช่วงที่สมองกำลังพัฒนาสูงสุด ลูกกำลังตั้งคำถาม สำรวจสิ่งรอบตัวเพื่อเรียนรู้ ดังนั้น นมเสริมสำหรับลูกวัยนี้จึงควรมีสารอาหารสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง เช่น DHA MFGM รวมทั้งสารอาหารอื่นๆ เช่น 2’-FL (ใยอาหารที่ช่วยส่งเสริมระบบทางเดินอาหารและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน) เป็นต้น
เมื่อร่างกายลูกพร้อม สมองได้รับการส่งเสริมด้วยสารอาหารสำคัญ เขาก็จะเต็มที่กับการออกไปเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ รอบตัวไปพร้อมกับเพื่อน ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ลูกได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ การปรับตัวเข้าสังคม การช่วยเหลือและแบ่งปัน รวมไปถึงความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น ทำให้ลูกมีทั้งความฉลาดทางสติปัญญา (IQ) และความฉลาดทางอารมณ์ (EQ)
คุณแม่รู้หลักการการเลือกนมเสริมสำหรับลูกที่มีความต้องการและการดูแลต่างกันแล้วนะคะ สิ่งสำคัญไปมากกว่านั้นคือ ควรเลือกนมเสริมที่มีสารอาหารสำคัญครบถ้วน เหมาะสมตามช่วงวัยและพัฒนาการ บวกกับการเปิดโอกาสให้ลูกออกไปเล่นและเรียนรู้ กินอิ่ม นอนหลับสบาย รับรองเลยว่าพัฒนาการที่ดีจะเป็นพื้นฐานสำคัญให้เขาต่อยอดไปสู่อนาคตที่ดีที่สุดของเขาเช่นกันค่ะ
(พื้นที่เพื่อการโฆษณาและประชาสัมพันธ์)
โพรไบโอติกและพรีไบโอติก เลือกแบบไหนเหมาะสำหรับเด็ก สายพันธุ์ไหนดี กินปริมาณเท่าไหร่เพียงพอ
ฟัง The Expert พญ. สีวลี สีดาฟอง
แพทย์ผู้ชำนาญการโรคระบบทางเดินอาหารและตับในเด็ก โรงพยาบาลวิมุต
ติดตามรักลูก Podcast ได้ที่https://linktr.ee/rakluke
ลูกไม่ยอมกินข้าว กินยาก เลือกกิน ผักก็เขี่ยทิ้ง ผลไม้ก็ส่ายหน้า นานวันเข้าก็เหมือนจะโตไม่ทันเพื่อนรุ่น ๆ เดียวกัน ระบบขับถ่ายก็ไม่ดี ท้องผูก ถ่ายยาก ปัญหาเหล่านี้เชื่อว่าหนักอก หนักใจ คุณพ่อคุณแม่ค่ะ ยิ่งปล่อยไว้จนลูกน้ำหนักตกเกณฑ์ พัฒนาการร่างกายไม่สมบูรณ์ มีผลกับพัฒนาการลูกแน่นอนค่ะ
“วิตามินเสริม” จึงเป็นตัวเลือกที่คุณแม่หลายคนมองหามาให้ลูกค่ะ แต่ไปที่ร้านขายยา สารพัดวิตามินในท้องตลาดก็มีให้เลือกเยอะมากกก จนแม่ ๆ ก็เลือกไม่ถูก วันนี้เรามีวิตามินเสริมสำหรับเด็กมาแนะนำคุณสมบัติกันไว้เป็นหนึ่งทางเลือกของแม่ ๆ ค่ะ เพราะเป็นวิตามินที่เห็น ๆ กันอยู่ แต่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าดียังไง หรือมีคุณสมบัติเหมาะกับลูก ๆ เราไหม? วันนี้มาดูกันเลยค่ะ
นิวโทรเพล็กซ์โอลิโกพลัส หรือ Nutroplex Oligo Plus คือ วิตามินเสริมสำหรับเด็ก เจ้าตัวนี้เป็นมัลติวิตามิน หรือวิตามินรวมแต่ที่มีพลัส ก็เพราะเพิ่มธาตุเหล็กเข้ามาด้วย เดี๋ยวมาดูกันค่ะว่ามีธาตุเหล็กเพิ่มขึ้นมาด้วยดียังไง ช่วยอะไรเด็ก ๆ บ้าง
Nutroplex Oligo Plus มี 2 ขนาดคือ 60 มล. และขนาด 100 มล. เป็นวิตามินน้ำรสส้ม อยู่ในขวดยาสีชาค่ะ ซึ่งช่วยรักษาคุณภาพ ช่วยป้องกันแสงแดด สำหรับกลิ่น และรสชาติ คุณแม่สามารถลองชิมดูได้เลยค่ะ แต่อย่าติดใจแอบแย่งลูก ๆ กินนะคะ รสชาติ มีรสชาติเดียวคือรสส้ม รสจะออกไปทางหวานอมเปรี้ยวค่ะ แต่จะติดไปทางหวานมากกว่า รสชาติไม่แหลมจนเกินไป เด็ก ๆ กินได้สบายค่ะ แต่เด็กบางคนก็อาจจะไม่ชอบ คุณแม่ควรให้ลูกกินโดยตรง ไม่ควรผสมกับเครื่องดื่ม หรืออาหารนะคะ
ที่กล่องผลิตภัณฑ์มีข้อมูลโภชนาการ สารอาหารในวิตามิน ข้อมูลวิธีรับประทาน อย่างครบถ้วน ส่วนวันเดือนปีที่ผลิต วันหมดอายุจะอยู่ที่ใต้กล่องค่ะ คุณแม่ลองพลิกเช็กดูก่อนให้ลูกรับประทานด้วยนะคะ
ทำไม Nutroplex Oligo Plus ถึงมีคำเตือนแล้วเด็กๆ จะกินได้ไหม ?
ถ้าอ่านที่ฉลากดี ๆ คุณแม่อาจจะเห็นว่า Nutroplex Oligo Plus มีคำเตือนว่าเด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน ทำให้คุณแม่หลายคนสงสัย สับสนว่าแล้วลูก ๆ จะกินได้หรือ? จริง ๆ แล้วที่ต้องมีคำเตือนเพราะ Nutroplex Oligo Plus ขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เนื่องจากมี Oligofructose ซึ่งเป็นใยอาหารธรรมชาติเป็นส่วนประกอบ ซึ่งตามข้อกำหนดของประกาศกระทรวงสาธารณสุข จำเป็นจะต้องมีคำเตือน เพราะผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในท้องตลาดมีเยอะมาก เดี๋ยวจะใช้กันไม่ระวัง!
ซึ่งถ้าจะให้มั่นใจว่าอาหารเสริมแบบไหนที่รับประทานได้ก็ต้องดูที่ส่วนประกอบค่ะว่าไม่เกินตามที่ RDI กำหนด สำหรับ Nutroplex Oligo Plus นั้นมีวิตามินและเกลือแร่ในปริมาณเหมาะสมไม่เกินที่กำหนด มั่นใจว่าให้ลูกๆ รับประทานได้แน่นอนค่ะ
สารอาหารสำคัญใน Nutroplex Oligo Plus ช่วยอะไรบ้าง
Nutroplex Oligo Plus จะมีสารอาหารสำคัญคือ โอลิโกฟรุคโตส (Oligofructose) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติกส์ และใยอาหารจากธรรมชาติ ที่ช่วยในการปรับสมดุลระบบทางเดินอาหาร และเพิ่มกากใยให้กับระบบทางเดินอาหาร ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้นได้ค่ะ และยังช่วยเพิ่มการดูดซึมแร่ธาตุแคลเซียม ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูกให้เด็ก ๆ ในวัยกำลังโตอีกด้วยค่ะ
สำหรับ Nutroplex Oligo Plus ยังมีส่วนของธาตุเหล็กที่เพิ่มขึ้นมา ในช่วงแรกเกิด ถึงวัยเตาะแตะ เด็ก ๆ มักจะเสี่ยงกับการขาดธาตุเหล็กได้ เพราะกำลังเจริญเติบโต ถ้าลูก ๆ ขาดธาตุเหล็กจะทำให้อ่อนเพลีย หรือมีผลกับภูมิคุ้มกัน หรือพัฒนาการการมองเห็น การได้ยิน พัฒนาการสติปัญญาได้ค่ะ แถมอาจจะมีภาวะซีดได้ค่ะ ภาวะซีดไม่ใช่ตัวซีดเหลือง ๆ นะคะ อยากรู้แน่ ๆ ต้องให้คุณหมอลองตรวจดูด้วยค่ะ
นอกจากสาร โอลิโกฟรุคโตส และ ธาตุเหล็กแล้ว ยังมีวิตามินอีกหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินดี แคลเซียม แมกนีเซียม และกรดอะมิโนด้วย
หมดห่วงเรื่องฟันผุ สูตรนี้ไม่มีน้ำตาล แต่ยังหวานกินง่าย
Nutroplex Oligo Plus เป็นสูตรไม่มีน้ำตาลค่ะคุณแม่ หมดห่วงเรื่องฟันผุ แต่ที่เห็นว่าทำไมยังหวานอยู่ ก็เพราะใช้ซอร์บิทอลให้สารให้ความหวานแทน ดังนั้นถึงแม้จะให้ลูกกินทุกวันก็ไม่ต้องห่วงว่าจะกินน้ำตาลมากไปหรือเปล่า
กิน Nutroplex Oligo Plus อย่างไร
สำหรับวิตามินเสริม ถ้าจะให้ลูก ๆ กิน สามารถให้กินได้ตอนอายุ 1 ขวบขึ้นไปค่ะ ซึ่งปริมาณการกิน อาจจะแบ่งได้ตามช่วงวัยค่ะ ปริมาณที่แนะนำข้างกล่องคือ รับประทานวันละ 1-2 ช้อนชา หรือ 5-10 มล. ต่อวัน
ซึ่งหากแบ่งเป็นช่วงวัยที่เหมาะสม ก็ได้คร่าว ๆ ดังนี้ค่ะ
- ช่วง 1-3 ปี รับประทาน ½ ช้อนชา วันละ 1 ครั้ง
- ช่วง 3-6 ปี รับประทาน 1 ช้อนชา วันละ 1 ครั้ง
- ช่วง 6 ปีขึ้นไป รับประทาน 2 ช้อนชา วันละ 1 ครั้ง
หลังจากให้ลูก ๆ กินเข้าไปแล้ว อาจจะพบว่าตอนขับถ่ายลูกอาจจะมีอึสีดำ ไม่ต้องตกใจไปค่ะ เพราะบางครั้งธาตุเหล็กที่ถูกดูดซึมไม่หมด ก็จะถูกขับถ่ายมาพร้อมกับอึของลูก ๆ ค่ะ เลยอาจจะเห็นเป็นสีเข้ม ๆ หรือสีดำ ถือว่าปกติค่า
สำหรับ Nutroplex Oligo Plus เป็นเพียงวิตามินเสริม ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ ก็อย่างชื่อนะคะว่าแค่เสริมเท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีผลให้ลูก ๆ อยากอาหาร หรือกินอาหารได้มากขึ้น เพียงแต่จะช่วยเสริมวิตามินบางชนิดให้กับร่างกายลูกในช่วงที่ลูกกินอาหารไม่ได้เต็มที่ หรือไม่มั่นใจว่าลูกได้รับสารอาหารเพียงพอมั๊ย หากใครอยากปรับระบบร่างกาย ระบบขับถ่ายของลูกให้สมดุลขึ้นก็ลองดูได้ค่ะ แต่ที่สำคัญคุณแม่ควรพยายามให้ลูกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ในทุก ๆ มื้อ ควบคู่กับการฝึกระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายของเขาทำงานในระยะยาวได้อย่างสมบูรณ์ค่ะ
สอบถามและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่...
Facebook: https://www.facebook.com/nutroplexclub/
ลูกถ่ายยาก! ท้องผูก! จัดการได้ด้วย Fibermate Daily ตัวช่วยให้อึ๊ง่าย สบายท้อง
ท้องผูก...ดูจะเป็นปัญหาที่เด็ก ๆ ทุกบ้านต้องเจอ โดยเฉพาะบ้านไหนที่ลูกไม่ชอบกินผักและผลไม้ หรือบางบ้านที่เจอปัญหาท้องผูกจากนม ถึงจะลองเปลี่ยนสารพัดยี่ห้อแล้วลูกก็ยังท้องผูกอยู่ดี ซึ่งนอกจากจะต้องลุ้นให้ลูกเบ่งกันหน้าดำหน้าแดงแล้ว หากปล่อยให้เป็นมาก ๆ หรือบ่อยครั้งเข้า อาจส่งผลให้ลูกรู้สึกเจ็บเวลาขับถ่าย มีเลือดออก จนถึงขั้นกลัวการขับถ่ายไปเลย บางรายก็อาจจะท้องอืด เบื่ออาหาร จนส่งผลให้เจ้าตัวเล็กและขาดสารอาหารได้
ซึ่งวิธีแก้แม่ ๆ อาจคิดว่าตัวเองต้องกลับไปฝึกนิสัยการกินของลูกใหม่ แม้หลายคนจะบอกว่าไม่ยากเลย ค่อย ๆ ฝึกไปก็ได้ แต่ว่าเด็กแต่ละคนนิสัยไม่เหมือนกัน บางคนก็ช่างเลือก เลือกกินนี่ละค่ะ แม้จะแอบบดผักหรือยัดไส้ลงในอาหารโปรดแต่ลูกก็ยังรู้ทันคายออกเสียอย่างนั้น แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะหายท้องผูกละลูกกกกก (เสียงสูง)
ดังนั้นระหว่างที่ฝึกลูกกินอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อระบบลำไส้ Fibermate Daily จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้เจ้าตัวเล็กขับถ่ายง่ายขึ้น เนื่องจาก Fibermate Daily เป็นไฟเบอร์แบบใหม่ที่มีคุณสมบัติพิเศษไม่เหมือนใครเรียกว่า PHGG (Partially Hydrolysed Guar Gum) เป็นใยอาหารพรีไบโอติกส์จากธรรมชาติ 100% ผลิตจากเมล็ดของต้นกัวร์ (Guar Plant) พืชตระกูลถั่วจากประเทศญี่ปุ่นที่ผ่านกระบวนการ Enzymetic Hydrolysis เทคโนโลยีการผลิตไฟเบอร์สิทธิบัตรเฉพาะจากประเทศญี่ปุ่น จนได้เป็น PHGG นี่เอง
ในส่วนของบรรจุภัณฑ์นั้นมั่นใจได้ว่าปลอดภัยค่ะ เพราะได้รับการรับรองจาก อย. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมวันเดือนปีที่ผลิตและวันหมดอายุยังระบุไว้ข้างขวดชัดเจน
คำแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์มีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยกำกับ สามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กทารกจนถึงผู้ใหญ่ที่มีปัญหาเรื่องท้องผูก
เรื่องความปลอดภัย แม่ ๆ สบายใจได้นะคะ เพราะ Fibermate Daily ได้รับการอนุมัติจาก JFDA องค์การอาหารและยาประเทศญี่ปุ่น และประเทศสหรัฐอเมริกายังอนุมัติให้ใช้ PHGG ผสมในอาหารและเครื่องดื่มได้ตั้งแต่ปี 1993 นอกจากนี้ GRAS ยังอนุญาตให้ใช้ไฟเบอร์นี้กับทารกได้ เพราะฉะนั้น Fibermate Daily จึงปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัวค่ะ
อ๊ะ ๆ ยังไม่จบค่ะ นอกจากไฟเบอร์ละลายน้ำแล้ว Fibermate เขายังมีอีก 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สะดวกในการพกพา กินง่าย และเป็นประโยชน์ต่อเด็กๆ ด้วยนะคะ นั่นก็คือ Fibermate Crispy ขนมผักผลไม้อบกรอบผสมอินนูลินไฟเบอร์ที่ทำจากผักและผลไม้ไฟเบอร์สูงทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ บรอกโคลี กล้วยหอม ข้าวโพดหวาน แคร์รอต และฟักทองญี่ปุ่น อร่อยคูณ 5 แถมยังผสมอินนูลินไฟเบอร์ ใยอาหารพรีไบโอติกส์ธรรมชาติ และช่วยให้ขับถ่ายได้ด้วย
นอกจากนี้ ขนมผัก Fibermate Crispy ยังไม่มีผงชูรส ไม่มีสารก่อภูมิแพ้ 8 ชนิดที่เด็กๆ มักแพ้ จำพวก นม ถั่ว ไข่ กูลเตน ปลา ฯลฯ และยังโซเดียมต่ำอีกด้วย เหมาะกับเด็กตั้งแต่วัย 10 เดือนขึ้นไปค่ะ
และอีก 1 ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่จาก Fibermate ที่ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้เลยก็คือ Fibermate Jelly Strip เจลลี่ซินไบโอติกส์ ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวของสูตรไฟเบอร์เมท เจลลี่ จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์เจลลี่ซินไบโอติกส์ที่รวมทั้ง “โพรไบโอติกส์” จุลินทรีย์สายพันธุ์แลคโตบาซิลลัส พาราคาเซอิ จำนวน 1 หมื่นล้านเซล์ และ “พรีไบโอติกส์” FOS ไฟเบอร์สูงถึง 3,000 มิลลิกรัม มีส่วนช่วยปรับสมดุลลำไส้ ช่วยลดอาการท้องผูก และยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ลดอาการภูมิแพ้ผิวหนังและภูมิแพ้อากาศได้อีกด้วย Fiber Mate Jelly Strip เป็นผลิตภัณฑ์เนื้อเจลลี่ มีรสส้ม หวานอมเปรี้ยว อร่อยทานง่าย เหมาะกับเด็กตั้งแต่วัย 1 ปีขึ้นไปค่ะ
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีตัวช่วยอย่าง Fibermate Daily แล้ว ก็ต้องไม่ละเลยอาหารการกินของลูกน้อยด้วยค่ะ ยังไงก็ยังต้องฝึกเขากินผักและผลไม้ หัดขับถ่ายให้เป็นเวลา และดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาท้องผูกอีก เพราะพัฒนาการดีเริ่มต้นได้ที่ลำไส้ค่ะ
จากการวิจัยพบว่าPHGG
- ช่วยให้อุจจาระนิ่มขึ้น
- ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ทั้งแลคโตบาซิลัสและไบฟิโดแบคทีเรีย และยับยั้งการทำงานของแบคทีเรียที่ก่อโรคในลำไส้
- ช่วยให้ลำไส้ขยับตัวได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยลดอาการปวดท้อง
- ช่วยลดภาวะเลือดออกหลังการขับถ่าย
- ช่วยซ่อมแซมเซลล์ในลำไส้ใหญ่
- ช่วยเพิ่มการดูดซึมน้ำและเกลือแร่
- และเมื่อกินอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ลูกสามารถขับถ่ายได้เป็นปกติทุกวัน
วิธีกินก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่ผสม Fibermate Daily ลงในเครื่องดื่ม หรืออาหารกึ่งเหลวที่ลูกกิน เช่น นม โยเกิร์ต น้ำผลไม้ หรือจะเป็นโจ๊ก ข้าวต้ม แกงจืด แล้วคนให้ละลาย ก็เป็นอันเรียบร้อย ซึ่งเราสามารถตักปริมาณตามขนาดที่ระบุไว้ข้างขวดได้เลย
ข้อดีอีก (หลาย) อย่างของ Fibermate Daily คือ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรสชาติ เมื่อผสมเครื่องดื่มหรืออาหารของลูกแล้วจะไม่ทำให้รสชาติเปลี่ยน ไม่ข้นหนืด ไม่พองตัว แถมยังผสมในอาหารและเครื่องดื่มได้ทั้งร้อนและเย็นไม่รบกวนการดูดซึมวิตามิน เกลือแร่ และยาอีกด้วย เรียกว่าถูกใจทั้งคุณแม่คุณลูกเลยค่ะ
พื้นที่เพื่อการโฆษณาและประชาสัมพันธ์
เด็กท้องผูก แก้ได้ไม่ยาก มารู้วิธีป้องกันและแก้ไขกันเลย
เมื่อลูกถึงวัยที่ต้องดื่มนมเสริม ก็มักจะมีปัญหาท้องผูก อึแข็ง ถ่ายยากตามมาด้วย นอกจากการกินผัก ผลไม้ ดื่มน้ำ เพื่อช่วยเรื่องระบบขับถ่ายแล้ว การเลือกดื่มนมแพะที่มีพรีไบโอติก (Prebiotics) หรือใยอาหารชนิดน้ำ Oligosaccharide ก็เป็นตัวช่วยที่ดีมาก เพราะสารอาหารเหล่านี้จำเป็นต่อการย่อยและระบบขับถ่ายในร่างกายมนุษย์ ช่วยลดและป้องกันอาการท้องผูก ส่งผลให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี และช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันได้ด้วยค่ะ
2 ใยอาหาร ที่ช่วยป้องกันท้องผูก
อินนูลิน (Inulin)
คือ คาร์โบไฮเดรต จัดเป็นใยอาหารประเภทที่ละลายได้ในน้ำ ซึ่งร่างกายไม่สามารถย่อยได้ในระบบทางเดินอาหารและไม่ให้พลังงาน แต่ถูกย่อยได้ด้วยแบคทีเรียที่อยู่ในส่วนปลายของลำไส้ใหญ่ มีสมบัติเป็นพรีไบโอติก (Prebiotic) ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ คือเป็นอาหารของแบคทีเรียในกลุ่มโปรไบโอติก (Probiotic) ซึ่งอยู่ในลำใส้ใหญ่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ บิฟิดิโอแบคทีเรีย (bifidobacteria)
เมื่อมีจุลินทรีย์สุขภาพในปริมาณมากก็ดีกับระบบทางเดินอาหาร ช่วยป้องกันการติดเชื้อ การอักเสบในทางเดินอาหาร รวมถึงช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายและลดปัญหาท้องผูกอีกด้วย อินนูลินยังมีผลช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่ในเลือด และลดระดับคอเรสเตอรอลจึงดีกับสุขภาพไม่ทำให้อ้วน
โอลิโกฟรุคโตส (Oligofructose)
เป็นโอลิโกแซ็กคาไรด์ (Oligosaccharide) ซึ่งเป็นใยอาหาร หรืออาหารของจุลันทรีย์ชนิดดีในส่วนปลายของลำไส้ใหญ่ ที่จะช่วยดูแลระบบขับถ่ายให้ทำงานได้ปกติ ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นคือ อินนูลินและโอลิโกฟรุคโตส เป็นอาหารของจุลินทรีย์ชนิดดีที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ของลูกเรา
เมื่อลูกดื่มนมแพะที่มีใยอาหาร 2 ชนิดนี้ จุลินทรีย์ก็มีอาหาร จึงเพิ่มจำนวนขึ้นเยอะ และเมื่อจุลินทรีย์มีจำนวนมากก็จะช่วยกันทำงานให้ลำไส้ใหญ่และระบบขับถ่ายดี ขับถ่ายเป็นเวลา ลดการสะสมของของเสีย ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้เต็มที่ กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกัน และป้องกันการติดเชื้อได้นั่นเอง และนี่คือเหตุว่าทำไมเด็กที่ดื่มนมแพะถึงไม่ท้องผูก เพราะในนมแพะมีใยอาหารสุดเจ๋งนั่นเองค่ะ
จริงๆ แล้วลูกของเราได้รับอินนูลินและโอลิโกฟรุคโตสตั้งแต่วันแรกที่เกิดแล้ว เพราะเด็กๆ ทุกคนที่ดื่มนมแม่จะได้รับสารอาหารครบถ้วนกว่า 200 ชนิด อินนูลินและโอลิโกฟรุคโตสก็เป็นหนึ่งในสารอาหารที่ลูกได้รับจากนมแม่เช่นกัน สังเกตง่ายๆ ว่าเด็กนมแม่ทุกคนจะขับถ่ายดี อึนุ่ม อึไม่แข็ง และไม่ท้องผูก เมื่อลูกถึงวัยเริ่มอาหารเสริม คุณแม่จึงควรให้ลูกกินอาหารครบ 5 หมู่ ดื่มนมที่เหมาะกับวัยเพื่อสุขภาพที่ดีต่อยอดไปถึงพัฒนาการในอนาคตค่ะ
โหลดเลยแม่ 40 เมนูสร้างสรรค์ ที่นักโภชนาการแนะนำ
หากคุณแม่กำลังประสบปัญหาลูกกินยาก ลูกไม่กินผัก กินอาหารซ้ำๆ กินแต่ขนมหรือน้ำหวาน ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะ Nestlé for Healthier Kids มีทางออกให้เสมอ
Nestlé for Healthier Kids เป็นโครงการหนึ่งที่มีจุดมุ่งหมายในการปรับพฤติกรรมการกินของเด็กๆ ให้มีนิสัยการกินที่ดี อันได้แก่ กินอาหารที่หลากหลายเพิ่มผักผลไม้ในมื้อนั้นๆ ด้วย กินในสัดส่วนที่เหมาะสม กินพร้อมหน้า ขยันขยับออกกำลังกาย และเลือกดื่มน้ำเปล่า
ล่าสุด Nestlé for Healthier Kids ได้รวบรวมเมนูอาหารฝีมือคุณพ่อคุณแม่คุณลูก ในกิจกรรม #เมนูหนูช่วยทำ 40 เมนูทั้งอาหารคาวอาหารหวานที่น้องๆ หนูๆ ช่วยกันสร้างสรรค์กับคุณพ่อคุณแม่ที่ผู้เชี่ยวชาญคัดมาแล้วว่าดีต่อเด็กไทยจริงๆ
ดาวน์โหลด 40 เมนูหนูช่วยทำ โดย Nestlé for Healthier Kids
ขอบคุณข้อมูลจาก Nestlé for Healthier Kids ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/N4HKThailand