คุณหมอคะ อยากเป็นแม่แล้ว แม่ต้องมีอะไรก่อนคะ?
ไม่อยากจะพูดเลยว่าต้องมีเงิน อย่าลืมว่างบประมาณด้านการศึกษาในบ้านเราสูงมาก ไม่มีอะไรฟรี ลำพังค่ากวดวิชามากกว่าหนึ่งแสนหลายเท่าโดยไม่รู้ตัว
ดีแล้วที่ถาม พ่อแม่ที่พร้อมจะรักกันและแต่งงานกันแล้วคิดว่าการเลี้ยงลูกเป็นของง่ายจะได้คิดใหม่ เพราะการเลี้ยงลูกมิใช่ของง่าย มีแล้วทิ้งขว้างด้วยความมักง่ายนั้นง่าย แต่ถ้าจะสละชีวิตส่วนตัวเพื่อเลี้ยงเขาอย่างดีที่สุดเป็นเวลา 10 ปีมิใช่ของง่าย ทำให้มีความสุขนั้นได้แต่ไม่ง่ายอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่มีอะไรเลยในมือ ไม่มีแม้กระทั่งความอดทน
ทักษะที่หนึ่ง คือความอดทน
การเลี้ยงลูกไม่มีคำว่าสบายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เพราะเรารู้แล้วว่าการเลี้ยงลูกอย่างดีที่สุดด้วยการให้เวลามากที่สุดใน 3 ขวบปีแรกเป็นเรื่องสำคัญแล้วจะได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า กล่าวคือลูกจะเป็นเด็กเลี้ยงง่าย(กว่าลูกชาวบ้าน)ไปอีกนาน ดังนั้นเราจะอดทน
ความอดทนมิได้มากจากพลังใจอย่างเดียว แต่มาจากการออกกำลังกายทุกวันๆละอย่างน้อย 30 นาทีด้วย ซึ่งพ่อแม่ส่วนใหญ่จะพูดว่าไม่มีเวลา ดังนั้นไปหาเวลามา ภายใต้ข้อเท็จจริงที่ว่าหลังจากออกกำลังกายแล้วเราเหลือเวลาตั้งวันละ 23 ชั่วโมงครึ่ง มันเยอะมาก
ทักษะที่สอง คือบริหารเวลา
เรารู้แล้วว่าเวลามากที่สุดที่ให้แก่ลูกคือดีที่สุด แต่ทุกคนต้องไปทำงานตั้งแต่เช้ามืด หากเป็นเมืองใหญ่ต้องฝ่าจราจรกลับบ้านมืดค่ำ วันเสาร์อาทิตย์อาจจะต้องทำล่วงเวลาหรือแบตเตอรี่หมด จะเห็นว่าเราเหลือเวลาไม่มากนักที่จะอยู่กับลูกและเล่นกับลูก
พ่อแม่ที่เก่งกว่าคือพ่อแม่ที่บริหารเวลาได้ดีกว่า เงินต้องหา คู่สมรสต้องดูแล ลูกต้องเลี้ยง และส่วนตัวต้องการการพักผ่อน ไม่นับการออกกำลังกาย การบริหารเวลาเป็นทักษะของแต่ละบุคคล หลักการคือระลึกไว้เสมอว่าเวลาไหนไม่ควรทำอะไร และทวนสอบเสมอว่างานอะไรที่ไม่มีประโยชน์ ก็อย่าไปทำ
ก็จะรู้เองว่าเวลาไหนควรทำอะไร และงานอะไรที่ควรทำ เช่น เอาเวลาที่ไปนั่งฟังเจ้านายแล้วคอยพยักหน้า มานั่งฟังลูกเล่านี่นั่นเสียงเจื้อยแจ้วมีประโยชน์กว่ามาก เป็นต้น
ทักษะที่สาม คือทักษะการฟัง
ทักษะการฟังใช้ได้กับทั้งคู่สมรสซึ่งเหนื่อยสาหัสพอๆ กับเรา และใช้ได้กับลูกซึ่งยิ่งพัฒนายิ่งซนเป็นลิง รวมทั้งยิ่งฉลาดยิ่งมีเหตุผลประหลาดๆสารพัด ฟังเก่งๆ ฝ่ายตรงข้ามมักสงบไปเอง
การฟังที่ดีคือการฟังด้วยตา หู กาย และใจ จมูกและลิ้นอาจจะไม่ต้องใช้ นั่งฟังคู่สมรสหรือลูกพูดให้เก่งๆ ฟังและยอมรับโดยไม่มีเงื่อนไขก่อนในตอนแรกๆ อย่ารีบร้อนซักถามเพราะจะถูกกล่าวหาว่าซักฟอก
อย่ารีบร้อนโต้เถียงเพราะจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามหมดอารมณ์พูด ไม่แม้กระทั่งอย่ารีบร้อนเสนอแนะเพราะไม่มีใครฟังข้อเสนอแนะของคนที่ไม่ฟังก่อนอยู่แล้ว
นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
จิตแพทย์และนักเขียน ขวัญใจพ่อแม่ชาวโซเชียล