ไอโฟนเครื่องแรกวางตลาดเมื่อปี 2007 แอนดรอยด์เครื่องแรกวางตลาดเมื่อปี 2008 ไอแพดเครื่องแรกวางตลาดเมื่อปี 2010 คือปีที่เด็กอัลฟ่าคนแรกเกิด ประมาณว่าเมื่อถึงปี 2025 เด็กอัลฟ่าจะมี 2,000 ล้านคน
วันที่พวกเขาเกิด พ่อแม่เกือบทุกบ้านมีสมาร์ทโฟนแล้ว คือสมาร์ทโฟนอย่างที่เราใช้กัน มิใช่มือถือรุ่นโนเกียหรืออิริคสันที่
วันที่คุณหมอผ่าคลอด คุณพ่อใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตถ่ายทำวินาทีที่ลูกเกิดได้แล้ว โดยที่คุณแม่ยังอยู่ใต้ฤทธิ์ยาสลบ และสูติแพทย์กำลังง่วนปิดหน้าท้อง
คืนแรกของชีวิตเด็กนั้น พ่อบางคนอุ้มลูก พ่อบางคนก้มมือถือ และพ่อบางคนทำสองอย่างพร้อมกัน มืออุ้มลูกแต่ใจเช็คเมล์ คุณภาพการอุ้มไม่เหมือนกันตั้งแต่ 24 ชั่วโมงแรก
เด็กอัลฟ่าคนแรกจะมีอายุ 10 ขวบในปี 2020 คำถามคือสมองของเขาซึ่งเติบโตมากับไอทีและไวไฟตลอด 10 ปีมีหน้าตาเป็นอย่างไร และจิตใจของเขาที่โตมากับความรวดเร็วของโลกเป็นอย่างไร
ประเมินว่าเทคโนโลยี่ในวันที่เขาเกิดจะไม่เหลือในวันที่เขาเป็นวัยรุ่น พวกเขาจะใช้สมาร์ทโฟนที่ทำงานด้วยระบบสัมผัสและเสียง touch & sound ไม่มีแป้นพิมพ์และเมาส์อีกต่อไป
งานหลายอย่างจะถูกแทนที่ด้วยปัญญาประดิษฐ์ที่เรียกว่า AI คำถามคือเราจะเลี้ยงลูกให้เหนือกว่าหุ่นยนตร์ที่ตรงไหนมนุษย์คืออะไร
เด็กอัลฟ่าจะใช้เอไอในการกำกับและดูแลสุขภาพของตนเอง นาฬิกาสุขภาพบนข้อมือวันนี้เป็นเพียงการเริ่มต้น เด็กอัลฟ่าจะเชื่อการวินิจฉัยของเอไอด้านสุขภาพซึ่งว่ากันว่าจะมีความแม่นยำสูงมาก สุดโต่งของเรื่องนี้คือพวกเขาจะไม่ฟังหมอและเถียงหมอเป็นฉากๆ
แม้ว่าเด็กส่วนใหญ่จะได้เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนเครื่องแรกเมื่ออายุ 10-12 ปี แต่เด็กอัลฟ่าจะได้เมื่ออายุ 8-9 ปี และสามารถใช้มันอย่างเชี่ยวชาญพอๆ กับขาดมันมิได้
ถ้าให้เลือกหมากับมือถือ เด็กอัลฟ่าจะเลือกมือถือ
ถามว่าเรา คือพ่อแม่และการศึกษา ต้องทำอะไร คำตอบอย่างสั้นที่สุดคือทำให้เขามีความคิดเชิงวิพากษ์และมีทักษะแก้ปัญหา คือ critical thinking & problem solving