แตงโมเป็นผลไม้ที่มีวิตามินและแร่ธาตุอยู่มากมาย เนื้อของแตงโมมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก รสชาติหวานแต่มีน้ำตาลน้อยกว่าผลไม้บางชนิด เวลากินเลยรู้สึกสดชื่น และดับกระหายได้ แต่เราจะเลือกแตงโมให้หวานอย่างไรนั้น รักลูกมีวิธีมาบอกค่ะ
แตงโมเป็นผลไม้ที่มี วิตามิน A วิตามิน B1 B2 B3 วิตามิน C แร่ธาตุ ไลโคปีนที่มี สารต้านอนุมูลอิสระ และธาตุโพแทสเซียม ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย บำรุงประสาทและสมอง ช่วยระบบไหลเวียนโลหิต บำรุงเส้นผมและสายตาอีกด้วย
ขนาดไม่ใหญ่มาก ควรเลือกแตงโมลูกกลางๆ ผลไม่ใหญ่มากนัก และควรเลือกลูกกลมๆ มากกว่าลูกยาวๆ รีๆ เพราะแตงโมผลกลมเป็นแตงโมเพศเมีย ซึ่งแตงโมเพศจะมีเมียรสชาติหวานกว่าแตงโมเพศผู้ แม้แตงโมเพศผู้จะมีน้ำเยอะกว่าก็ตาม
สังเกตรอยสีเหลือง แตงโมบางลูกจะมีรอยด่างสีเหลือง นั่นหมายความว่าแตงโมอยู่กับดินและต้นเป็นเวลานาน เป็นแตงโมที่สุกกับต้นนาน ยิ่งอยู่นานสีจะยิ่งเข้ม รสชาติยิ่งหวานนั่นเเองค่ะ
ก้านแตงโมต้องหงิกงอ ชาวสวนจะสังเกตว่าแตงโมลูกไหนเก็บได้แล้วจากก้านหรือขั้วค่ะ ถาก้านตรงแสดงว่ายังไม่สุก แต่ถ้าหงิกงอ ถือว่าแตงโมสุกแล้ว เก็บได้ และรสชาติจะหวานอร่อย
ลายต้องชัด ยิ่งลายอยู่ชิดก้นยิ่งหวาน
เด็กสามารถกินแตงโมได้ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป เป็นผลไม้เสริมควบคู่กับอาหารอื่นๆ และสลับสับเปลี่ยนกับผลไม้อื่นๆ ตามฤดูกาล โดยหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ประมาณ 100 กรัม หรือ 1 ถ้วยโยเกิร์ต และอย่าลืมเอาเมล็ดออกด้วย
สำหรับเด็กเล็กต่ำกว่า 1 ขวบ กินแตงโมเป็นชิ้นๆ ปลอดภัยกว่ากินแตงโมปั่น เนื่องจากน้ำแตงโมอาจทำให้ลูกสำลักได้ และควรให้ลูกกินหลังอาหารจะดีที่สุด เนื่องจากแตงโมมีน้ำเยอะ ถ้าให้กินก่อนกินข้าวลูกจะอิ่มแตงโมจนไม่ยอมกินข้าวค่ะ
กระเพาะของเด็กทารกเล็กมาก ดังนั้น ให้กินแตงโมชิ้นเล็กๆ ก็พอ ประมาณ 100 กรัมเทียบได้กับโยเกิร์ตถ้วยเล็กๆ หนึ่งถ้วย ถ้ากินมาก ก็จะส่งผลกระทบต่อการกินอาหารในแต่ละมื้อ
ที่สำคัญไม่ควรนำแตงโมแช่เย็นให้ลูกเล็กกิน เนื่องจากกระเพาะและลำไส้ของลูกยังไม่แข็งแรง แตงโมแช่เย็นอาจทำให้ลูกท้องเสียได้ นอกจากนี้ไม่ควรให้ลูกกินแตงโมที่ผ่าทิ้งไว้เป็นเวลานานให้ลูกกิน เพราะอาจมีแบคทีเรียปนเปื้อนและทำลูกท้องเสียได้เช่นกัน