นมเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ มากมาย มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย เด็กวัย1-2 ปี สามารถดื่มนมอื่นที่นอกเหนือจากนมแม่ได้แล้ว เพราะระบบย่อยอาหารสามารถทำงานได้ดีขึึ้น และร่างกายต้องการพลังงานเพื่อใช้ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ จึงไม่ต้องกังวลว่าถ้าลูกดื่มนมวัวแล้วจะอ้วน เพราะเด็กวัย 1-2 ปี อยู่ในวัยที่ใช้พลังงานทั้งวัน นมจะไปช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตเร็วขึ้น
สิ่งที่ต้องระวังคือ ไม่ควรให้ลูกดื่มนมไขมันต่ำหรือนมพร่องมันเนย เพราะไขมันคือแหล่งพลังงานสำหรับเด็ก และที่สำคัญ ไขมันในนมคือส่วนสำคัญในการเสริมสร้างการเจริญเติบโตของสมอง นอกจากนี้ไม่ควรให้ลูกดื่มนมปรุงแต่งรสหวาน รสช็อกโกแลต หรือรสผลไม่ต้่าง ๆ เนื่องจากมีน้ำตาลเป็นส่วนผสม อาจทำให้ลูกติดหวานได้
กรมอนามัยแนะนำให้เด็กเล็กและเด็กโต ดื่มนมวันละ 2-3 แก้ว หรือ 2-3 กล่อง เพื่อเสริมสร้างร่างกายที่แข็งแรง ตัวโตสูงสมวัย
นมให้แคลเซียม แคลเซียมในนมมีปริมาณมาก และดูดซึมได้ดีที่สุด มีความสำคัญต่อมวลกระดูกและการขยายตัวของกระดูก สร้างกระดูก เด็ก ๆ ต้องการแคลเซียมเพื่อสร้างกระดูกให้หนาและแข็งแรง โดยเฉพาะในวัยที่กำลังเจริญเติบโต จะมีการสะสมมวลกระดูกเพิ่มขึ้น ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ช่วยเพิ่มส่วนสูงให้เด็ก ๆ ได้
นมให้ฟอสฟอรัส ฟอสฟอรัสเป็นแร่ธาตุที่จะทำงานร่วมกับแคลเซียม มีหน้าที่เป็นโครงสร้างของกระดูกและฟัน หน้าที่อื่นๆ เช่น กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท กระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อ
นมให้วิตามินเอ สารอาหารจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ ต้องได้รับจากการกินอาหารเท่านั้น วิตามินเอช่วยเรื่องการมองเห็น และช่วยสร้างกระดูกและฟันสำหรับเด็ก
นมให้วิตามินดี โดยวิตามินดีเป็นตัวช่วยให้ร่างกายนำแคลเซียมไปใช้สร้างกระดูกได้ดีขึ้น ซึ่งทำให้แน่ใจได้ว่ากระดูกของลูกถูกสร้างขึ้นอย่างถูกต้องตามกระบวนการของธรรมชาติในร่างกาย
นมให้วิตามินบี 2 ช่วยดึงพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และในอาหารที่เด็ก ๆ กิน สำหรับเด็กวัย 1-3 ขวบ นมหนึ่งแก้วให้วิตามินบี 2 ประมาณครึ่งแก้ว จะพอเพียงต่อความต้องการวิตามินบี 2 ของร่างกายในแต่ละวัน ส่วนเด็กวัย 4 ขวบขึ้นไปก็ต้องการวิตามินบี 2 ในแต่ละวันเพียงเศษหนึ่งส่วนสามจากนมหนึ่งแก้ว
นมให้วิตามินบี 12 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเซลล์สมองและระบบประสาท รวมถึงมีบทบาทในการสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยเพิ่มสมาธิ ความจำ และยังช่วยให้เด็กเจริญอาหารอีกด้วย
นมให้โปรตีน โปรตีนในนมเป็นโปรตีนคุณภาพดี ในนมหนึ่งแก้วจะให้โปรตีนประมาณครึ่งแก้ว ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการโปรตีนของเด็กวัย 1-3 ปีในแต่ละวัน ส่วนเด็กวัย 3 ขวบขึ้นถึง 10 ขวบ ร่างกายก็ต้องการโปรตีนจากนมเพียงวันละเศษหนึ่งส่วนสามแก้วจากการดื่มนมหนึ่งแก้ว เด็กที่ไม่กินเนื้อก็สามารถได้โปรตีนอย่างเพียงพอในแต่ละวันจากการดื่มนมในปริมาณดังกล่าว รวมทั้งเด็กที่อยู่ระหว่างการลดน้ำหนักด้วย
นมแม่กับนมวัวมีความแตกต่างกัน นมวัวจะมีโปรตีนสูงเกือบ 3 เท่าของนมแม่ซึ่งถือว่ามากเกินไปสำหรับความต้องการของเด็กทารก สำหรับนมผสมที่ใช้เลี้ยงทารก (INFANT FORMULA) ในปัจจุบันพยายามดัดแปลงให้คล้ายนมแม่มากที่สุด เช่นปรับเปลี่ยนปริมาณและคุณสมบัติของโปรตีนให้ใกล้เคียงกับนมแม่ และดัดแปลงไขมันโดยเอาไขมันในนมวัวบางส่วนออกไป แล้วผสมน้ำมันพืชบางชนิดเข้าไปแทนเพื่อให้สัดส่วนของไขมันคล้ายกันกับนมแม่ที่สุด
นมผงบางยี่ห้อเติมสารทอรีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่มีความจำเป็นต่อร่างกายเข้าไป เพราะเห็นประโยชน์ที่ว่าสารนี้มีส่วนช่วยพัฒนาจอตา (RETINA) และสมองให้กับเด็ก แต่จริงๆแล้วในนมแม่เองมีทอรีนอยู่แล้ว นอกจากนี้นมผงบางยี่ห้อได้เติมเบต้าแคโรทีนเข้าไป เพราะเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ป้องกันโรคหัวใจ และมะเร็ง ฯลฯ แต่ในนมแม่เองก็มีเบต้าแคโรทีนอยู่แล้ว นมผงบางยี่ห้อเขาเริ่มเติมสารนิวคลีโอไทด์ ซึ่งอาจมีส่วนเสริมสร้างภูมิต้านทานแก่ร่างกาย หรือดีเอชเอ ซึ่งมีส่วนช่วยพัฒนาการของสมองและความฉลาดเข้าไปอีกด้วย
ส่วนนมผงดัดแปลงสำหรับทารกนั้นเมื่อลูกอายุ 1 ปีขึ้นไป คงต้องให้รับประทานนมสูตร 2 ที่เขียนข้างกระป๋องว่าใช้สำหรับทารกและเด็กอายุ 6 เดือนถึง 3 ปี ซึ่งสามารถให้กินร่วมไปกับนมกล่อง UHT ได้
นมเปรี้ยวเป็นนมที่มีจุรินทรีย์มีชีวิต การดื่มนมเปรี้ยวจะช่วยเรื่องการขับถ่ายและปรับสมดุลของลำไส้ การดื่มนมเปรี้ยวเป็นประจำช่วยลดอาการท้องเสีย ท้องผูก และช่วยให้ลูกขับถ่ายได้เป็นปกติ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ ในนมเปรี้ยวมีน้ำตาลสูง ถ้าให้เด็กดื่มในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดพลังงานส่วนเกิน จนส่งผลให้เป็นโรคอ้วน ฟันผุ และติดหวานได้ หากต้องการให้ระบบขับถ่ายของลูกทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พ่อแม่ควรให้ลูกกินผัก ผลไม้ และอาหารที่มีกากใยจะดีกว่า
นมพลาสเจอไรซ์ - เป็นนมที่ผ่านการฆ่าเชื้อโรคที่เป็นอันตรายโดยเหลือเชื้อโรคที่ไม่เป็นอันตรายกับเราอยู่
นมสเตอร์รี่ไรส์ - จะเป็นนมที่ผ่านการฆ่าเชื้อโรคทุกชนิดด้วยอุณหภูมิ 100 องศา
นม UHT - จะเป็นนมที่ผ่านการฆ่าเชื้อโรคด้วยอุณหภูมิที่สูงกว่า 100 องศาด้วยระยะเวลาสั้น ๆ เชื้อโรคจะถูกฆ่าตายหมดและสารอาหารในนม UHT เช่นวิตามินจะถูกทำลายโดยความร้อนเพียงเล็กน้อย
เนยแข็งนั้นทำจากนมวัวสด ซึ่งกรรมวิธีในการทำก็คือนำโปรตีนจากนมวัวสด ๆ มาทำเป็นเนยแข็ง เพราะฉะนั้นกินมากๆอาจทำให้ได้โปรตีนมากเกินไปได้ จริงๆ แล้วการทานเนยแข็งในบ้านเราสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในสัดส่วนที่พอเหมาะ
เนยที่ใช้ทากับขนมปังนั้นเป็นไขมันที่สะกัดมาจากนมวัว จึงมีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง ถ้ากินมากก็จะทำให้เป็นโรคอ้วน หรือไขมันในเลือดสูงได้
เป็นน้ำนมดิบที่ระเหยน้ำออกบางส่วน แล้วผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อ ด้วยความร้อนสูงไม่ต่ำกว่า 100 องศาเซลเซียส
เป็นนมข้นไม่หวานที่ใช้น้ำมันพืชแทนมันเนยบางส่วน และนมข้นไม่หวานขาดมันเนย คือนมข้นไม่หวานที่แยกเอามันเนยออกไป
เป็นน้ำนมข้นที่เติมน้ำตาลประมาณ 45 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งแป้ง ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์
คุณค่าโดยทั่วไปของโยเกิร์ตจะแตกต่างจากนมปกติไม่มากนัก แต่หากเป็นโยเกิร์ตชนิดดื่มนั้น จะมีคุณค่าของนมตามปริมาณที่ใช้ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีนมประมาณครึ่งหนึ่งเท่านั้น ก็จะได้คุณค่าจากนมเพียงครึ่งเดียว ที่เหลือเป็นน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมที่เติมเข้าไป ซึ่งแม้บางครั้งปริมาณพลังงานอาจได้ใกล้เคียง (ได้จากน้ำตาล) แต่ทำให้ได้รับปริมาณโปรตีนและแคลเซียมในปริมาณน้อยกว่าเมื่อเทียบกับนมปกติหรือโยเกิร์ตธรรมดา
แพ้นมวัว มักเป็นในเด็กเล็กวัยต่ำกว่า 1 ปี สาเหตุของการแพ้นมวัวเกิดจากพันธุกรรม พ่อแม่เป็นภูมิแพ้ เพราะอาการนี้ถ่ายทอดทางสายเลือดทำให้ลูกแพ้นมวัวได้ รวมถึงการถูกกระตุ้นด้วยสารก่อภูมิแพ้ เช่น ช่วงตั้งครรภ์คุณแม่กินนมวัวมากเกินกว่าปกติ ทำให้ลูกในท้องมีโอกาสที่จะแพ้นมวัวได้ง่ายค่ะ
การแพ้นมวัว มักเป็นในเด็กเล็กวัยต่ำกว่า 1 ปี สามารถจัดแบ่งกลุ่มอาการได้ 3 ระบบหลัก ได้แก่