ความจริง : จริงอยู่ที่เด็กๆขาดธาตุเหล็กแล้วจะมีผลเสียกับสุขภาพโดยเฉพาะเด็ก เล็กๆ ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคในสหรัฐอเมริการายงานว่า เด็กในสหรัฐอเมริกาที่ขาด ธาตุเหล็กเป็นเด็กวัยเตาะแตะอายุระหว่าง 1-2 ปีมากที่สุดคือ 9 % เด็กอายุ 3-5 ปี 3 % และ 6-11 ปี 2% จะเห็นว่าเด็กเล็กๆ มีโอกาสที่ขาดธาตุเหล็กมากที่สุด แต่ไม่ได้หมาย ความว่าถ้าไม่กินเนื้อแล้วเด็กจะขาดธาตุเหล็ก เพราะส่วนใหญ่เนื้อนั้นยังเป็นอาหารที่ย่อย ยากเกินไปสำหรับเด็กเล็กๆ
นักโภชนาการบอกว่า แม้ว่าเนื้อจะมีธาตุเหล็กที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายก็ตาม แต่เด็กๆ สามารถได้รับธาตุเหล็กที่จำเป็นต่อร่ายกายได้จากการกินอาหารที่มีธาตุเหล็ก อื่นๆ เช่น นม ธัญพืชและขนมปัง ผลไม้อบแห้งอย่างเช่น ลูกเกด ผักโขม น้ำอ้อย ถั่ว ไข่ ปลา หมู และเป็ดไก่ เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี ควรจะได้รับธาตุเหล็กอย่างน้อย 10 มิลลิกรัมต่อวัน
เด็กไม่กินผักจะขาดวิตามินและแร่ธาตุสำคัญ
ความจริง : ผักมีประโยชน์ให้ทั้งวิตามิน เกลือแร่ และเป็นเส้นใยอาหารที่ช่วย ให้ขับถ่ายได้ดี มีเด็กมากมายที่ไม่ยอมกินผักจนโตแต่ก็ไม่ยักเป็นอะไร เหตุผลหนึ่งก็คือพวก เด็กๆ ยอมรับผลไม้ได้ก่อนที่จะยอมกินผัก เพราะมันมีรสมีชาติและอร่อยกว่าผักตั้งเยอะ และจริงๆ แล้วผลไม้ก็มีวิตามินเช่นเดียวกับผักนั่นแหละค่ะ ดังนั้นถ้าลูกไม่กินผัก ก็ให้กินผลไม้แทน แล้วไม่ต้องวิตกว่าลูกจะขาดวิตามิน เช่น ถ้าลูกของคุณไม่ยอมแตะแครอตเลย ลองให้กล้วย ฟักทอง หรือ แคนตาลูปดูสิคะ เพื่อชดเชยวิตามินเอและแคโรทีน ส้มก็แทนผักโขมที่ให้กรดโฟลิก กล้วย ก็ให้โปแตสเซียมแทนมันฝรั่งได้ ผลไม้รสเปรี้ยวก็ให้วิตามินแทนวิตามินซีจากบล็อกโคลี
แต่ในขณะเดียวกัน ก็ควรฝึกลูกให้กินผักด้วย โดยค่อยเป็นค่อยไป ไม่เคี่ยวเข็ญ ดุ ว่ากัน เพราะผักไม่เพียงแต่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุสำคัญๆ เท่านั้น แต่ยังมีสารอาหาร อื่นๆ ที่สำคัญด้วย ผักบางชนิดมีแคลเซียม ธาตุเหล็กที่ร่างกายเด็กต้องการด้วย ที่สำคัญใน การฝึกให้ลูกกินผัก อย่าเคี่ยวเข็ญูลูกเสียจนลูกเกลียดผักไปตลอดชีวิตเชียวล่ะ
เวลาลูกไม่สบาย นมจะทำให้ลูกแย่เข้าไปใหญ่
ความจริง: แม่บางคนสังเกตว่าเวลาลูกเป็นหวัด ลูกไม่ค่อยกินนมหรือกินนม แล้วครืดคราดในลำคอ ข้อเท็จจริงคือว่านมจะไปเคลือบในลำคอซึ่งมีเสมหะจากอาการหวัด ทำให้รู้สึกระคายคอได้ แต่นมไม่ได้ทำให้อาการหวัดแย่ลง จึงไม่จำเป็นต้องงดนม ให้ลูกกิน เท่าที่เขาจะกินได้ แต่ถ้าในช่วงไม่สบายนี้ ลูกปฏิเสธนมก็ไม่ต้องกังวล ให้อาหารน้ำอื่นๆ ที่ คล่องคอ เช่น น้ำผลไม้ ข้าวต้ม โจ๊ก น้ำซุปแทนจนกว่าอาการหวัดจะดีขึ้น และให้ลูกดื่มน้ำ เยอะๆ เพื่อช่วยขจัดเสมหะ
กลัวลูกอ้วน เลยไม่ให้ลูกกินอาหารไขมันตั้งแต่เล็กๆ นี่ละ
ความจริง : แต่ละวันทารกและเด็กวัยเตาะแตะต้องการพลังงานจากไขมันถึง 40% เนื่องจากสมองและร่างกายกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโภชนาการเด็กอธิบายว่าการเจริญเติบโตของสมอง ต้องการกรดไขมันและสารประกอบอื่นๆ จากไขมัน เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีจึงไม่ควรดื่มนม พร่องมันเนยหรือนมที่สกัดไขมันออกไป สำหรับเด็กที่โตกว่านี้ก็ยังคงต้องการกรดไขมันใน อาหารต่อไปเหมือนกัน ซึ่งช่วยในเรื่องของสุขภาพผิว การเจริญเติบโตของร่างกาย การผลิตฮอร์โมนเพศ การดูดซึมวิตามิน แต่เด็กที่โตเกิน 2 ปีขึ้นไปต้องการไขมันน้อยลง เหลือเพียง 30% ต่อวันก็เพียงพอแล้ว
ผู้เชี่ยวชาญยังบอกอีกว่าไขมันใน อาหารช่วยให้เด็กรู้สึกอิ่ม ดังนั้นถ้าคุณจำกัดการ บริโภคไขมันมากเกินไป ลูกของคุณอาจจะกินอาหารอื่นทดแทนมากขึ้น ซึ่งไม่ช่วยควบคุม น้ำหนักได้เลย สอนลูกให้รู้จักกินอาหารที่มีประโยชน์ทุกชนิดในปริมาณที่พอเหมาะดีกว่าค่ะ
น้ำตาลทำให้ลูกไฮเปอร์ฯ
ความจริง : ยังไม่มีวิจัยยืนยันว่าเด็กกินน้ำตาลแล้วจะไฮเปอร์ และเป็นไปได้ว่าเมื่อพ่อแม่เห็นเด็กมีพลังมากหลังจากบริโภคของหวาน อย่างช็อกโกแลต หรือน้ำอัดลมซึ่งบางชนิดมีคาเฟอีนอยู่ด้วย สาเหตุอาจจะมาจากคาเฟอีนที่ มีอยู่ในอาหารเหล่านี้ก็ได้ที่กระตุ้นให้เด็กอยู่ไม่สุข แต่อย่างไรก็ตาม เด็กๆ ไม่ควรได้รับน้ำตาลมากเกินไป (ผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน) ซึ่งแต่ละวันเด็กควรกินน้ำตาลไม่เกิน 4 ช้อนชาต่อวัน
ไม่กล้าให้ลูกลองกินอาหารแปลกใหม่ กลัวลูกแพ้
ความจริง: การแพ้อาหารนั้นไม่ได้เป็นกันง่ายๆ หรือพบได้บ่อยๆ อย่างเข้าใจ หรอกค่ะ บางทีพ่อแม่เข้าใจผิดไปเองว่าลูกแพ้อาหาร แต่จริงๆ แล้วหมอเด็กบอกว่ามีเด็ก แค่ 6-8% เท่านั้นเองที่เป็นจริง
ความจริงการแพ้อาหารเกิดขึ้นเพราะบางคนอาจะมีระบบภูมิต้านทานที่ไวต่อสิ่ง แปลกใหม่ที่เข้ามาในร่างกาย ไม่เว้นแม้แต่อาหารที่ไม่พิษภัยแต่อย่างใด ทำให้เกิดปฏิกิริยา เช่น เป็นผื่น ลมพิษ อาเจียน ท้องร่วง และอาหารที่ทำให้เด็กแพ้ได้มีอยู่ไม่กี่ชนิด คือ ไข่ ถั่ว มะม่วงหิมพานต์ วอลนัท ข้าวสาลี ถั่วเหลือง อาหารทะเล ต้องใช้ความสังเกตดูว่าลูก กินอะไรแล้วมีอาการดังกล่าวทุกครั้งที่กิน ไม่ใช่ลูกมีอาการแบบนี้เพียงครั้งแรกที่กินก็เหมา ว่าลูกแพ้อาหารเสียแล้ว เลยพานไม่ยอมให้ลูกลองกินอะไรใหม่ๆ เลย
กินนมมากๆ กระดูกแข็งแรง ถ้าลูกไม่กินนมจะไม่โต
ความจริง : นมคือแหล่งที่ดีที่สุดของแคลเซียม แต่ถ้าลูกของคุณไม่ค่อยกินนม หรือแพ้นมวัว ก็ยังสามารถได้รับแคลเซียมที่เพียงพอได้จากอาหารชนิดอื่น เช่น ปลาตัวเล็ก ตัวน้อย โยเกิร์ต เนยแข็ง นมถั่วเหลืองเสริมแคลเซียม บล็อคโคลี เต้าหู้ ผักใบเขียว คุณ ควรพลิกแพลงทำอาหารเหล่านี้ให้ลูก เด็ก 1-3 ปีควรได้รับแคลเซียม 500 มิลลิกรัมต่อวัน เด็กวัย 4-8 ปี 800 มิลลิกรัม เด็ก 9 ปีขึ้นไป 1,300 มิลลิกรัม และควรกินอาหารที่มี วิตามินซีเพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีด้วย เช่น น้ำผลไม้ ซึ่งควรกินทุกวันเพราะ วิตามินไม่สะสมในร่างกาย
น้ำผลไม้อุดมด้วยวิตามินและเป็นเครื่องดื่มดับกระหาย
ความจริง : จริงอยู่น้ำผลไม้มีวิตามินโดยเฉพาะวิตามินซี และแน่นอนว่ามีคุณค่า กว่าน้ำอัดลม แต่สำหรับน้ำผลไม้กระป๋องหรือน้ำผลไม้บรรจุกล่อง ไม่ควรให้ลูกกินมากเกินไป เพราะมักจะมีน้ำตาลประกอบอยู่ด้วย ทำให้ลูกได้รับน้ำตาลมากจนไม่อยากกินข้าวปลา หรืออาหารอื่น และอาจทำให้ฟันผุได้ด้วย คำแนะนำสำหรับการดื่มน้ำผลไม้ของเด็กเล็กๆ คือ 4-6 ออนซ์ต่อวัน ส่วนเด็กที่โตขึ้นมาอีกหน่อยก็ไม่ควรเกิน 12 ออนซ์ต่อวัน หรือถ้าเป็นไปได้ควรคั้นเองดีกว่า
นักโภชนาการบอกว่าแม้ว่าน้ำผลไม้ควรจะให้วิตามินก็จริง แต่น้ำเปล่านั้นที่ดีที่สุด สำหรับดับอาการกระหายน้ำ และเด็กๆ ควรดื่มน้ำเปล่านี้วันละมากๆ ด้วย
ข้าวที่ขัดขาว ขนมปังขาวไม่มีประโยชน์
ความจริง : ยุคนี้ผู้คนพูดถึงคุณค่าของข้าวซ้อมมือกันมากจนทำให้เข้าใจไปว่า ข้าวขัดขาวและขนมปังขาวไม่มีประโยชน์ ข้าวซ้อมมือขนมปังที่ทำจากแป้งโฮลวีตเป็นทางเลือกที่ดีกว่าก็จริง เพราะมีวิตามินและเส้นใยอาหารมากกว่า ซึ่งช่วยป้องกันอาการท้องผูก โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าข้าวขัดขาวและ ขนมปังขาวจะไม่มีคุณประโยชน์เอาเสียเลย มันยังให้คาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงาน ยังมีธาตุ เหล็ก วิตามินบี กรดโฟลิค และวิตามินบี2 (แม้จะน้อยกว่าข้าวซ้อมมือและขนมปังโฮลวีตก็ ตาม) ดังนั้นถ้าเด็กๆ ชอบข้าวขัดขาวและขนมปังขาวก็ไม่ต้องทุกข์ร้อนเกินเหตุหรอกค่ะ เราเสริมอาหารอื่นๆ โดยเฉพาะที่มีวิตามินบีและเส้นใยอาหารมากๆ ให้ลูกด้วย ลูกก็จะไม่ ขาดคุณค่าอาหารอย่างที่กังวล
เรื่องอาหารของลูกเราสามารถปรับเปลี่ยนและยืดหยุ่นได้เสมอค่ะ ขอเพียงยึดหลักว่า ต้องถูกหลักโภชนาการและมีสารอาหารครบถ้วนเหมาะกับการเจริญเติบโตของลูก บางอย่างลูกไม่กิน ก็ต้องหาอย่างอื่นมาทดแทนเพื่อใ้ห้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน นอกจากจะป้องกัยลูกขาดสารอาหารแล้ว ยังช่วยลดอาการเป็นเด็กกินยาก เด็กเลือกกินได้ด้วยนะคะ