* ได้พลังงานส่วนหนึ่งจากไขมัน
* ใช้ไขมันไปช่วยดูแลสุขภาพผิวหนัง
* มีไขมันช่วยดูดซึมวิตามินที่สำคัญ เอ ดี อี เค เข้าสู่ร่างกาย
* ได้รับกรดไขมันจำเป็นไปใช้ในการสร้างและขยายเซลล์สมอง เพื่อให้พร้อมรับกับการเรียนรู้และพัฒนาการด้านต่างๆ ข้อนี้สำคัญมาก
ฉะนั้นเพื่อให้ร่างกาย พัฒนาการ รวมทั้งการเรียนรู้ของลูกไปได้อย่างดี มาเลือกแหล่งไขมันดีมีประโยชน์ให้ลูกกันดีกว่า
ไขมันในนมแม่เป็นไขมันดีมีประโยชน์อย่างแรกที่เด็กควรได้รับ เพราะมีกรดไขมันจำเป็นที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาสมอง รวมทั้งกรดไขมันอื่นๆ อีกกว่า 160 ชนิด ที่แม้จะยังไม่รู้ถึงหน้าที่การทำงาน แต่ก็เป็นที่ยอมรับกันว่ามีประโยชน์กับพัฒนาการทางสมองของเด็ก
แต่ถ้าคุณแม่จำเป็นหรือถึงคราวต้องใช้บริการนมผสมก็ควรเลือกนมที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับนมแม่มากที่สุด (นมดัดแปลงสำหรับทารก) และที่สำคัญไม่ควรให้นมพร่องไขมันแก่เด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี
เมื่อถึงวัยที่เด็กทานอาหารได้เหมือนผู้ใหญ่ คุณแม่ต้องเลือกอาหารที่เป็นแหล่งไขมันมีประโยชน์มารับช่วงต่อจากนมแม่ และต้องไม่ลืมเรื่องความหลากหลายของอาหารเพราะทุกส่วนของร่างกายต้องเดินหน้าไปพร้อมกัน
ไขมันนี้มีอยู่ในปลาทะเล เช่น ปลากะพง ปลาทู ปลาเก๋า ปลาจะละเม็ด ปลาอินทรี ปลาโอ ปลาทูน่า ปลาแซลมอน เป็นต้น หรือแม้แต่ในปลาน้ำจืดบางชนิดก็มีกรดไขมันจำเป็นชนิดนี้อยู่ด้วย เช่น ปลาช่อน ปลาบู่ ปลาสวาย เป็นต้น รวมทั้งในน้ำมันพืชชนิดต่างๆ เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว น้ำมันข้าวโพด น้ำมันจากเมล็ดดอกทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย แต่ยกเว้นในน้ำมันมะพร้าว
แหล่งไขมันเหล่านี้ไม่เพียงมีประโยชน์กับสมองน้อยๆ แต่ยังช่วยป้องกันภาวะไขมันเกินที่เป็นปัญหาท็อปฮิตของเด็กยุคนี้ได้ดีทีเดียว
เติมไขมันให้ร่างกายอย่างปลอดภัย
* สามารถเพิ่มพลังงานในอาหารของลูกได้ด้วยการเติมน้ำมันพืช 1 ช้อนชาผสมลงในอาหารที่เตรียม
* ผัดหรือทอดอาหารทุกครั้งด้วยน้ำมันพืชใหม่ ควรใช้น้ำมันแต่น้อยและอย่าตั้งน้ำมันทิ้งไว้จนร้อนจัดจนเกิดควันหรือตั้งทิ้งไว้นานๆ เพราะอาจทำให้เกิดสารก่อมะเร็งได้
น้ำมันปลาจำเป็นมั้ย?
สมองน้อยๆ ของเด็กสร้างขึ้นจากไขมันเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกรดไขมันจำเป็นในกลุ่มโอเมก้า 3 และ 6 ที่ช่วยส่งผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาท เสริมความลื่นไหลให้การทำงานของสมอง ช่วยการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก น้ำมันปลาที่สกัดจากปลาทะเลสำเร็จรูปจึงอยู่ในความสนใจของพ่อแม่
แต่ไม่ต้องเสียเงินให้สิ้นเปลือง ในเมื่ออาหารที่ทานก็สามารถให้ปริมาณกรดไขมันชนิดนี้ได้เพียงพออยู่แล้ว เพราะแต่ละวันร่างกายน้อยๆ ต้องการในปริมาณไม่มากนัก (แต่ก็ขาดไม่ได้)
และถึงแม้น้ำมันปลาจะอัดแน่นไปด้วยปริมาณกรดไขมันจำเป็นที่เป็นประโยชน์กับการเสริมสร้างพัฒนาสมอง แต่การเสริมด้วยวิธีลัดอย่างนี้เสี่ยงกับการเสียสมดุลระหว่างโอเมก้า 3 และ 6 ในสมอง แทนที่จะพัฒนากลับสร้างปัญหาทำให้ลูกเติบโตช้ากว่าที่ควรจะเป็นและอาหารเพียงอย่างเดียวไม่สามารถพัฒนาสมองอย่างเต็มที่ ต้องอาศัยสารอาหารพันธมิตรทั้ง เหล็ก ไอโอดีน วิตามินบี ฯลฯ และสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้มาร่วมกันปฏิบัติภารกิจสำคัญนี้
ฉะนั้นให้ลูกทานอาหารที่มีประโยชน์และหลากหลายด้วยวิธีธรรมชาติ..ปลอดภัยที่สุด