แต่ละวันเด็ก ๆ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะนอกจากร่างกายจะใช้ในการทำงานแต่ละวันแล้ว สมองก็ยังต้องการน้ำในการขับเคลื่อนความคิดต่าง ๆ อีกด้วย
เว็บไซต์มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ได้เผยแพร่งานวิจัยในวารสาร The Journal of Nutrition ระบุว่าการดื่มน้ำไม่เพียงช่วยรักษาระดับน้ำในร่างกายแล้ว การดื่มน้ำยังช่วยให้เด็ก ๆ ทำอะไรได้หลากหลาย (Multitasking) มีความยืดหยุ่นทางความคิด และมีความจำที่ดี โดยทีมวิจัยได้ทดลองให้เด็กวัย 9-11 ปี จำนวน 75 คน ดื่มน้ำเพียง 0.5 ลิตรต่อวัน เป็นเวลา 4 วัน และ ดื่มน้ำวันละ 2.5 ลิตรต่อวัน เป็นเวลา 4 วันเท่ากัน
พบว่าเด็กที่มีระดับน้ำในร่างกายสูงขึ้น จะมีประสิทธิภาพในการทำงานที่หลากหลายมากขึ้น เพราะเมื่อให้เด็ก ๆ ทำบททดสอบการสลับงานที่ออกแบบมาเพื่อวัดความยืดหยุ่นทางความคิด เด็ก ๆ สามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันยังมีปฏิกิริยาตอบสนองได้เร็วขึ้นด้วย
แต่ละวันเราควรดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว หรือประมาณ 1-2 ลิตรต่อวัน หากดื่มมากเกินไปอาจทำให้เสียชีวิตได้ เนื่องจากร่างกายไม่สมดุล ส่งผลให้ระดับโซเดียมในร่างกายต่ำ ทำให้น้ำคั่งในเซลล์ทั่วร่างกาย มีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อาจมีอาการชักกระตุก จากสมองบวม ปอดบวม และเสียชีวิตได้
เด็กวัย 0-1 ขวบ ต้องการน้ำปริมาณ 120-150 ซีซี (หรือประมาณค่อนแก้ว) ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
เด็กวัยหลัง 1 ขวบ มีความต้องการน้ำต่อน้ำหนักตัวน้อยกว่าเด็กแรกเกิด เช่น เด็กอายุ 6 ขวบ น้ำหนัก 20 กิโลกรัม ต้องการน้ำประมาณ 1500 ซีซี หรือเท่ากับ 75 ซีซี ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
แม้ว่าในการทดลองจะให้เด็กๆ ดื่มน้ำในปริมาณ 2.5 ลิตร แต่นั่นอยู่ในการควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตามควรให้ลูกดื่มน้ำและกินอาหารอย่างเพียงพอ ควบคุมให้สมดุล อย่าให้มากเกินไป หรือน้อยเกินไป เท่านี้ก็ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วค่ะ
ที่มา : neuroscience.illinois.edu โรงพยาบาลวิภาวดี