กิจกรรมง่าย ๆ 'กิน เล่น เต้น วาด' ก็เป็นสุดยอดวิธีพัฒนาสมองเด็กได้ดี

เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ห้ามละเลยนะคะ อย่าทำงานจนไม่มีเวลาอยู่กับลูก เพราะผลวิจัยชี้จากสถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต ระบุว่า ว่าเด็กไทยไอคิวลดจาก 90 เหลือ 88 เท่านั้น และพัฒนาการเด็กไทยอายุ 0-5 ขวบ มีแนวโน้มลดลงจาก 71.9% เหลือ 71.69 % ค่ะ เพราะแบบนี้ เราจะพามาดูกิจกรรมที่จะช่วยเพิ่มไอคิว และกระตุ้นพัฒนาการของเด็ก ๆ ให้เป็นไปตามวัยมากที่สุด ลองทำดังนี้เลยค่ะ

กิจกรรมที่เด็กชอบ "กิน เล่น เต้น วาด"

1. การกิน

สารอาหารที่ได้รับตั้งแต่อยู่ในครรภ์ตลอดถึงช่วงวัยเด็ก มีผลมากต่อการเติบโตและพัฒนาการด้านเชาวน์ปัญญาของเด็ก ต้องให้ลูกได้รับอาหารครบ 5 หมู่ ดังนี้ค่ะ

• หมู่ 1 โปรตีน เน้นถั่ว เนื้อปลาทะเลจะทำให้ได้สังกะสีและไอโอดีน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมอง เสริมด้วยนม จะช่วยให้กระปรี้กระเปร่าไม่ง่วง
• หมู่ 2 แป้ง ไม่ควรเน้นมากนัก เพราะจะทำให้เฉื่อยชา ไม่ตื่นตัว
• หมู่ 3 ผัก ต้องกินทุกมื้ออาหาร อย่าละเลย
• หมู่ 4 ผลไม้ ควรเพิ่มปริมาณการกินในแต่ละวันให้มากขึ้น และมีความหลากหลาย
• หมู่ 5 ไขมัน ควรกินไขมันดี เช่น น้ำมันตับปลา น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก เป็นต้น และไม่กินไขมันทรานส์ ที่อยู่ในจานด่วนเพราะเป็นอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหากไม่อยากให้ลูกสมองตื้อนาน ๆ
• ดื่มน้ำเปล่าสะอาดเยอะ ๆ เพราะน้ำเหมือนอาหารหมู่ที่ 6 ที่ห้ามขาด

2. การเล่น

มีความสำคัญต่อพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สติปัญญา และทำให้เด็กควบคุมตัวเองได้

• เด็กแรกเกิด-1 ขวบ ควรเลือกของเล่นที่เขย่าเกิดเสียง หนังสือภาพ ตุ๊กตาผ้ารูปสัตว์
• วัย 1-3 ขวบ เหมาะกับการเล่นม้าโยก ลูกบอล ของเล่นที่มีเชือกลากจูง ภาพตัวต่อ หนังสือนิทาน
• วัย 3-5 ขวบ ควรเล่นจักรยาน เครื่องเล่นสำหรับปีนป่าย กระดานรูปทรงเรขาคณิต ภาพปริศนา และของจำลอง เช่น เครื่องครัว เสื้อผ้า วัย 6-9 ขวบ เหมาะกับเครื่องเล่นสนาม ปาลูกบอลใส่เป้า ภาพต่อ สมุดภาพระบายสี รูปภาพลำดับเหตุการณ์ ดนตรี เกมอิเล็กทรอนิกส์
• วัย 10-12 ปี ควรเล่นกิจกรรมเข้าจังหวะ วาดรูประบายสี งานฝีมือ คอมพิวเตอร์
• วัย 13-15 ปี เหมาะกับภาพตัดต่อมากกว่า 50 ชิ้น อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ สัตว์เลี้ยง และของสะสมต่างๆ

นอกจากนี้ การเลือกนิทานที่เหมาะกับวัยของเด็ก จะช่วยเพิ่มระดับการเสริมสร้างสมองของลูกมากขึ้น ซึ่งควรเริ่มตั้งแต่ แม่ตั้งครรภ์ ด้วยการร้องเพลงหรืออ่านคำกลอนให้ลูกฟัง

• แรกเกิด- 1 ขวบ เน้นนิทานที่มีภาพเดี่ยวเสมือนจริง สีสันสวยงาม
• วัย 2-3 ขวบ เลือกนิทานที่เน้นเรื่องราวและภาพเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน เช่น สัตว์ โดยใช้ภาษาง่ายๆ
• วัย 4-5 ขวบ เหมาะกับนิทานที่ใช้ภาษาแปลกๆ มีภาพน้อย
• วัย 6-7 ขวบ เน้นเรื่องสั้น ตลกขบขัน ใช้ภาษาง่ายๆ มีการสอดแทรกจริยธรรม
• วัย 8-11 ขวบ เหมาะกับนิทานประวัติบุคคล การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ เรื่องสั้นสำหรับเยาวชน
• วัย 12-15 ปี เลือกนิทานที่เนื้อหามีความซับซ้อน ท้าทายให้อยากรู้ต่อไป

3. การเต้น

เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะช่วยพัฒนาสมองของลูกน้อย การเต้น หรือการเคลื่อนไหวของเด็ก มีประโยชน์อย่างมาก เพราะเด็กวัยนี้ชอบอิสระ จึงเป็นโอกาสที่จะให้เด็กได้เรียนรู้การช่วยตนเอง กล้าแสดงออก ส่งเสริมสุขภาพกายและจิตใจให้สมบูรณ์

โดยเฉพาะหากเด็กได้เคลื่อนไหวประกอบดนตรีที่มีจังหวะช้า เร็ว นุ่มนวล ขึงขัง ร่าเริง และเศร้าโศกปนเปกันไป จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาสมองของเด็ก โดยงานวิจัยของต่างประเทศระบุว่า เสียงดนตรีช่วยสร้างเส้นใยสมอง รวมทั้งเพิ่มความคิดอย่างมีเหตุผล ซึ่งเป็นพื้นฐานทางด้านคณิตศาสตร์

4. วาดศิลปะ

ศิลปะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางสมองทั้ง 2 ด้าน ประสานกันมากขึ้น สอนให้เด็กรู้จักปรับ-ควบคุมอารมณ์มีสมาธิ อีกทั้งการทำงานศิลปะบ่อย ๆ ทำให้สมองกล้ามเนื้อ และความจำทุกระบบตอบสนองการเรียนรู้ได้รวดเร็ว


เห็นไหมคะ ว่าแค่ 4 กิจกรรมนี้ ก็ช่วยเสริมสร้างการพัฒนาสมองของเด็กได้มาก ๆ แล้ว ถ้าใน 1 วัน พ่อแม่เล่นกับลูกหลาย ๆ อย่าง ลูกต้องพัฒนาการดีแน่ค่ะ


ขอบคุณข้อมลูจาก : สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต