ถ้าปัสสาวะลูกมีสีเปลี่ยนไป อาจเป็นสัญญาณบอกว่าลูกน้อยของคุณกำลังเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ และหากร้ายแรงกว่านั้น อาจกำลังเป็นโรคไตอยู่ได้นะคะ โดยปกติปัสสาวะจะมีสีเหลืองใส แต่ถ้าอยู่ๆ สีก็เปลี่ยนไป นั่นเป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ดีแล้วค่ะ แล้วสีของปัสสาวะของลูกแบบไหนที่คุณแม่ต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ
1. ปัสสาวะสีเข้ม
ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้มหรืออ่อน ขึ้นอยู่กับปริมาณนมและน้ำที่ดื่มเข้าไป หากดื่มนมและน้ำมาก ปัสสาวะก็จะมีสีเหลืองใส แต่ถ้าดื่มน้อยก็จะมีสีเหลืองเข้ม
ยิ่งมีสีเข้มมากๆ รวมกับอาเจียนหรือท้องเสีย แสดงว่าร่างกายของลูกน้อยเกิดภาวะขาดน้ำ หรือเกิดภาวะติดเชื้ออยู่ ต้องรีบพาไปพบคุณหมอ
2. ปัสสาวะสีขุ่น และมีกลิ่นเหม็นฉุน
แสดงว่าลูกน้อยอาจมีการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ ควรพาไปพบคุณหมอ เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด
3. ปัสสาวะมีเลือดปน
เป็นสัญญาณว่าลูกติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะ หรืออาจเป็นโรคไตอักเสบ โรคไตชนิดอื่น หรือเป็นโรคนิ่วค่ะ ในกรณีที่ปัสสาวะแล้วมีเลือดปนออกมาด้วย แสดงว่ามีอาการค่อนข้างรุนแรง ดังนั้น ต้องรีบไปพบคุณหมอโดยด่วนเพื่อรักษาค่ะ
นอกจากจะสังเกตลักษณะสีของปัสสาวะแล้ว คุณแม่ต้องคอยสังเกตอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เวลาปัสสาวะแล้วลูกร้องไห้โยเย พร้อมกับมีไข้สูง อาจมีอาการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ
ลูกน้อยติดเชื้อได้อย่างไร
การติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ เกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ
1. เกิดจากความผิดปกติของร่างกาย คือมีไต กรวยไต หรือท่อไตผิดปกติ
2. ชอบกลั้นปัสสาวะ บางครั้งเกิดจากการที่ลูกกลัวการเข้าห้องน้ำ ไม่กล้าเข้าห้องน้ำคนเดียว จึงกลั้นไว้ ทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย
3. ใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปทั้งวันทั้งคืน ทำให้เกิดการอับชื้น มีโอกาสติดเชื้อง่ายขึ้น
4. ทำความสะอาดไม่ถูกวิธี คือเช็ดจากหลังไปหน้า ซึ่งจะทำให้ติดเชื้อจากอุจจาระได้ง่ายมาก
วิธีเช็ดที่ถูกต้อง คือเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง เช็ดจากอวัยวะเพศไปก้น แล้วใช้ผ้าสะอาดเช็ดให้แห้งก่อนจะใส่ผ้าอ้อมหรือกางเกง
สาเหตุจากร่างกายมีความผิดปกติเองนั้น พบได้ร้อยละ 20-30% ส่วนสาเหตุจากการดูแลทำความสะอาดไม่ดี พบได้ถึงร้อยละ 60-70% ทีเดียว
ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่ใส่ใจดูแล ทำความสะอาดอย่างถูกสุขลักษณะ เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกน้อยบ่อยๆ อย่าให้เกิดความอับชื้น ก็จะเป็นการช่วยป้องกันภาวะติดเชื้อได้ทางหนึ่งค่ะ
ติดเชื้อที่ไหน เป็นโรคอะไร
สีของปัสสาวะที่เปลี่ยนไปเป็นสัญญาณบอกว่าลูกน้อยเกิดภาวะติดเชื้อ ซึ่งเกิดได้ตั้งแต่แรกเกิด เมื่อพบสัญญาณดังกล่าวคุณหมอจะนำปัสสาวะไปตรวจหาความเข้มข้นดูว่ามีโปรตีน มีน้ำตาลในปัสสาวะหรือไม่
นอกจากนี้ ยังต้องนำปัสสาวะไปส่องกล้อง เพื่อเช็กดูว่ามีระดับเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดงเกินเกณฑ์ปกติไหม มีเชื้อแบคทีเรียหรือไม่ หากพบบว่ามีเชื้อแบคทีเรีย หรือมีระดับเม็ดเลือดขาวและแดงเกินเกณฑ์ปกติ แสดงว่ามีภาวะติดเชื้อแล้วค่ะ ถ้าลูกมีภาวะติดเชื้อ ให้พาลูกไปพบคุณหมอ เพื่อตรวจหาสาเหตุอย่างละเอียดจะได้รักษถูกต้อง
ภาวะติดเชื้อแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1. ติดเชื้อที่กรวยไต ส่วนใหญ่มีอาการไข้สูง หนาวสั่น ไม่ยอมกินนม ร้องไห้งอแงผิดปกติ โดยไม่มีอาการปัสสาวะผิดปกติใดๆ เลย ในเด็กเล็กถ้าอยู่ๆ มีอาการไข้ขึ้นสูง โดยไม่มีอาการไอ ไม่ได้เป็นหวัด ให้สงสัยว่าอาจเป็นโรคกรวยไตอักเสบค่ะ
2. ติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะ สังเกตได้ง่ายกว่าการติดเชื้อที่กรวยไต เพราะมีอาการที่แสดงให้เห็นชัดเจนมากกว่า ในเด็กเล็กเวลาปัสสาวะมักจะร้องไห้เพราะเขารู้สึกเจ็บแสบ และปัสสาวะมีสีขุ่นหรือเข้มกว่าปกติ แต่ถ้าลูกพูดได้แล้ว เขาจะบอกว่าหนูปัสสาวะแล้วเจ็บ ปัสสาวะไม่สุด หรือมีอาการปัสสาวะบ่อย กะปริดกะปรอย อาจเกิดจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบค่ะ
หากลูกมีอาการดังกล่าว ให้รีบไปพบคุณหมอนะคะ และห้ามซื้อยามาให้ลูกกินเองเด็ดขาด เพราะภาวะติดเชื้อในเด็กไม่เหมือนผู้ใหญ่ที่กินยาแล้วหายกลับบ้านได้ แต่ต้องกินยาตามที่คุณหมอสั่งให้ครบ และต้องตรวจให้ละเอียดว่าเป็นสาเหตุการเกิดโรคไตชนิดอื่นๆ หรือไม่ เพราะถ้าปล่อยไว้และมีอาการอักเสบบ่อยๆ อาจนำไปสู่ภาวะไตวายได้