เล่นอย่างมีคุณค่า
ความจริงดิฉันหาโอกาสแบบนี้มาหลายวันแล้วล่ะค่ะ เพราะได้รับคำแนะนำดีๆ จาก นพ.พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ หัวหน้าหน่วยพัฒนาการเด็ก วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล ในเรื่องของการเล่นให้ได้ประโยชน์มาน่ะสิคะ
คุณหมอบอกว่าการเล่นไม่ว่าจะด้วยของเล่น เล่นคนเดียว เล่นกับเด็กคนอื่น หรือเล่นกับผู้ใหญ่โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ ถือเป็นงานหรือกิจวัตรประจำวันของเด็ก เพื่อพัฒนาตัวเขาเอง ทั้งด้านร่างกาย สมอง และยังเป็นการเรียนรู้รวมทั้งพัฒนาทักษะต่างๆ อย่างรอบด้านค่ะ
การเล่นของเด็กจะต้องเหมาะสมกับพัฒนาการตามวัย ความสามารถและศักยภาพของเด็กแต่ละคนค่ะ ซึ่งวิธีการเล่นก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ร่วมเล่นกับลูก เล่นกับสิ่งรอบตัวตามธรรมชาติ เล่นของเล่นที่ประดิษฐ์จากธรรมชาติ ข้าวของเครื่องใช้รอบตัว ฯลฯ
ธรรมชาติ..ของเล่นมากประโยชน์ + ประหยัด
ของเล่นรอบตัวแต่ละประเภทไม่ว่าจะเป็น ดิน ทราย น้ำ ใบไม้ ต้นไม้ สามารถเป็นของเล่นให้ลูกได้หมดเลยค่ะ แต่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านใดบ้างนั้น ขึ้นอยู่กับวิธีเล่นของลูกค่ะ ถ้าลูกยังเล็กก็ต้องอาศัยคุณพ่อคุณแม่ร่วมเล่นด้วย จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดค่ะ
เช่น การเล่นตักทราย หากลูกเล่นตักทรายอย่างเดียว และเล่นคนเดียว ก็เป็นการส่งเสริมให้ลูกได้เรียนรู้ความแตกต่างของผิวสัมผัส เรียนรู้เรื่องของปริมาณ ปริมาตร และเสริมสร้างการทำงานของกล้ามเนื้อมัดเล็ก การทำงานประสานกันของกล้ามเนื้อตาและมือ แต่หากคุณพ่อคุณแม่เล่นกับลูกด้วย อาจจะชวนลูกก่อทรายเป็นรูปต่างๆ แล้วให้ลูกเล่าถึงสิ่งที่เขาคิดถึง ก็เป็นการช่วยส่งเสริมจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ ทักษะด้านภาษา และหากให้ลูกเล่นกับเด็กคนอื่นๆ ก็ยังช่วยพัฒนาทักษะทางด้านสังคมอีกด้วยค่ะ
นอกจากนั้นยังทำให้ลูกได้เรียนรู้และคุ้นเคยกับธรรมชาติ ซึ่งหาได้จากสิ่งต่างๆ รอบตัว และประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วยค่ะ
วัยไหนเล่นอะไรดี
ขวบปีแรก ลูกจะเริ่มไขว่คว้าข้าวของได้แล้วมักสำรวจ และเรียนรู้สิ่งต่างๆ ผ่านการนำเข้าปาก ของเล่นตามธรรมชาติที่ดูเหมาะสมสำหรับเด็กวัยขวบปีแรกนี้ เห็นจะเป็นน้ำค่ะ แต่คุณพ่อคุณแม่ต้องระวังเรื่องการจมน้ำ การสำลัก
นอกจากนั้นอาจให้ลูกเล่นพืช ผัก ผลไม้ที่รับประทานได้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรล้างทำความสะอาดให้ปลอดภัยจากเชื้อโรค และยาฆ่าแมลง และควรนำเมล็ดเล็กๆ ออกแล้วเพื่อป้องกันการสำลักลงไปในหลอดลม หรือลูกนำไปแหย่เข้าไปติดในจมูกหรือหู
หลัง 1 ขวบไปแล้ว ลูก สามารถเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วแล้ว ของเล่นควรส่งเสริมพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหว ควรใช้ของเล่นที่ประดิษฐ์จากธรรมชาติ เช่น ไม้ทำเป็นรถสำหรับลากจูง ของเล่นไม้ส่งเสริมการทำงานของกล้ามเนื้อมือ การทำงานที่ประสานกันระหว่างสายตาและมือ
3 ขวบขึ้นไป ควรส่งเสริมให้ลูกได้เล่นกับเด็กคนอื่นๆ เพื่อส่งเสริมทักษะด้านสังคม และส่งเสริมการเล่นที่มีจินตนาการ โดยเด็กวัยนี้สามารถเล่นในธรรมชาติได้มากขึ้นค่ะ อาจให้ลูกเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องของการเล่นที่ต้องอาศัยจินตนาการ เช่น บทบาทสมมติ โดยใช้สนามหญ้าเป็นสถานที่เล่น อย่างเล่นขายของ อาจเก็บใบไม้ใบหญ้ามาทำเป็นอาหาร สมมติเป็นเงิน หรือนำก้านกล้วยมาทำเป็นม้า นำใบมะพร้าวมาฝึกสานเป็นรูปง่ายๆ ก็จะเป็นการฝึกความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ และยังเป็นการฝึกทักษะการทำงานของมือ และสายตาให้ทำงานประสานกันได้มากขึ้นด้วยค่ะ
** ใบไม้และดอกไม้ เด็กจะได้เรียนรู้เรื่องรูปร่าง และลวดลายของใบไม้ และสีของดอกไม้ที่แตกต่างกัน นอกจากนั้นคุณพ่อคุณแม่อาจเป่าใบไม้ให้เกิดเสียง ก็จะทำให้เด็กได้พัฒนาด้านการฟังเสียง สัตว์ต่างๆ ในธรรมชาติ
** นอกจากเด็กจะได้รู้จักสัตว์ต่างๆ ที่อยู่ตามธรรมชาติ เช่น ผีเสื้อ แมงปอ ผึ้ง ไส้เดือน ฯลฯ คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถสอนลูกให้รู้จักประเภทของสัตว์ ทั้งที่เป็นอันตรายและไม่อันตรายได้อีกด้วย
สนุกอย่างปลอดภัย
สิ่งที่มีคุณอนันต์ย่อมก่อให้เกิดโทษมหันต์ได้ ไม่เว้นแม้แต่การเล่นของลูก และข้อควรระวังสำหรับการเล่นกับธรรมชาติรอบตัว คือเรื่องความปลอดภัยค่ะ เช่น หากลูกเล่นใบไม้ก็อาจมีแมลงสัตว์กัดต่อยที่เป็นอันตราย หรือเล่นดินเล่นทรายอาจมีเชื้อโรคหรือพยาธิต่างๆ ปนเปื้อนได้ค่ะ
การเล่นน้ำหากคุณพ่อคุณแม่ไม่ระมัดระวังอย่างรอบคอบ ลูกอาจจมน้ำจนเป็นอันตรายได้ แม้จะมีน้ำในปริมาณไม่มากนักก็ตาม หรือมีอันตรายซึ่งอาจไม่สามารถควบคุมได้ เช่น เล่นเมล็ดถั่วเขียว แล้วลูกเอาเข้าปากสำลักลงไปในหลอดลม นำก้อนหินก้อนเล็กๆ ยัดเข้าไปในจมูก หรือหู เป็นต้น
ดังนั้นความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ ต้องให้การดูแลเป็นพิเศษค่ะ ตั้งแต่เรื่องของความสะอาด ระวังลูกนำสิ่งของต่างๆ เช่น ดินทรายเข้าปาก ระวังอันตราย เช่น การจมน้ำ แม้มีน้ำเพียงเล็กน้อย ของมีคม ระวังแมลงหรือสัตว์ซึ่งอาจเป็นอันตราย ในใบไม้ ดิน ทราย หิน เป็นต้น
** ไม่ควรให้ลูกเล่นคนเดียวโดยไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะเด็กวัยนี้เป็นวัยอยากรู้อยากเห็น แต่ยังไม่รู้ว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ จึงอาจเกิดอันตรายจากแมลง และสัตว์ต่างๆ ได้ เช่น งู ตะขาบ มด ตัวบุ้ง ฯลฯ หรืออาจได้รับเชื้อโรคที่ปนเปื้อนมา เช่น พยาธิปากขอจากดิน พยาธิตัวตืดจากปุ๋ยคอก เชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการผิวหนังอักเสบติดเชื้อ เชื้อบาดทะยักจากดิน เชื้อที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียท้องเดิน ฯลฯ
คอลัมน์ : เติบใหญ่วัยซน 1-3 ปี
ฉบับ : เดือนมกราคม 2549/CB182
เรื่อง : มรกต