วัยเด็กเป็นวัยที่กำลังสนใจการเรียนรู้ สนใจสิ่งรอบตัว ไม่แปลกที่คุณพ่อคุณแม่จะไม่ค่อยเห็นลูกอยู่นิ่ง ๆ กับที่ เดี๋ยวทำนู่น! ทำนี่! ทำนั่น! อยู่ตลอดเวลา แทบจะไม่มีเวลาพัก แต่ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไปนะคะ นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าตารางชีวิตของลูกคุณแน่นเกินไป เห็นแบบนี้แล้ว รักลูกอดเป็นห่วงสุขภาพของเด็ก ๆ ไม่ได้ จึงรีบหาวิธีมาให้คุณพ่อคุณแม่ได้เช็กกันดูว่าลูกของเราเริ่มมีลักษณะแบบนี้จริงหรือเปล่า ว่าแต่มีอะไรบ้างนะ เรามาดูพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า
1.ในแต่ละวันคุณแทบไม่เคยเห็นลูกอยู่เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไรเลย คุณเห็นแต่ภาพที่ลูกของคุณมีนัดมากมาย กำลังเดินทางย้ายจากที่นี่ไปที่นั่นให้ทันเวลา ทำการบ้าน ซ้อมดนตรี วนไปวนมาอยู่ตลอดเวลา ไม่ค่อยมีช่วงเวลาได้ผ่อนคลาย
2.ลูกของคุณดูคล้ายคนแก่ไปนะ ไม่ได้หมายถึงผมขาวหรือหลังโก่งนะคะ แต่หมายถึงลูกของคุณเริ่มมีอารมณ์หงุดหงิด เหน็ดเหนื่อย บ่นปวดหัว เมื่อยตัวอยู่ตลอดเวลา หรือนอนไม่หลับเป็นประจำ
3.ลูกของคุณเริ่มไม่สนุกกับสิ่งที่ตัวเองเคยชอบ กิจกรรมก็เหมือนกับไอศกรีม ตรงที่แม้เราจะชอบแค่ไหน แต่ถ้ามันมากเกินไปก็ทำให้เราแย่ได้ค่ะ
4.ผลการเรียนของลูกลดลง หากกิจกรรมนอกห้องเรียนมีมากเกินไป ก็อาจรบกวนเวลาและพลังงานที่จะใช้ในการทบทวนบทเรียนได้ แน่นอนว่าจะทำให้สมองล้าและเรียนรู้ได้ไม่เต็มที่
5.ลูกของคุณดูหงุดหงิดและกังวลง่าย เมื่อลูกเข้าไปทำกิจกรรมใด ๆ ก็เพิ่มโอกาสที่ลูกอาจทำไม่ได้ดีเท่ามาตรฐานของตัวเองหรือคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้นอาจส่งผลต่ออารมณ์ของเด็กได้ค่ะ
6.ความสัมพันธ์กับเพื่อนเริ่มมีปัญหา ทั้งที่เมื่อก่อนลูกคุณอาจจะตัวติดกันกับเพื่อน แต่เดี๋ยวนี้ลูกคุณดูห่างเหินกับเพื่อนมากขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากการทำกิจกรรมจนแทบไม่เหลือเวลาให้เพื่อน
7.ลูกแทบไม่ได้ร่วมโต๊ะอาหาร หลายๆครอบครัว เวลาบนโต๊ะอาหารเป็นสิ่งที่สำคัญมากเรื่องหนึ่ง หากลูกของคุณหายไปจากโต๊ะอาหารเพราะต้องซ้อมเปียโน หรือทำการบ้าน นั่นอาจแปลว่าตารางของเขาแน่นเกินไป
8.ลูกกลายเป็นคนที่คิดอะไรเองไม่เป็น ลูกจะรอรับคำสั่งจากผู้ใหญ่อย่างเดียวว่าให้ทำอะไรต่อไป เนื่องจากเคยชินกับชีวิตที่มีแผนชัดเจน ข้อนี้เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพราะมันแปลว่าลูกของคุณต้องการเวลาที่ไม่เป็นแบบแผนมากกว่าเดิมแล้วค่ะ
คุณพ่อคุณแม่เช็กแล้วมีข้อไหนตรงกับอาการหรือลักษณะของลูกเราตอนนี้บ้างคะ หากพบว่ามีหลายข้อ นั่นแปลว่าตารางชีวิตของลูกเราแน่นเกินไปแล้วนะ ต้องรีบจัดลำดับกิจกรรมให้ลูกใหม่ ให้ลูกได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง และที่สำคัญต้องดูกำลังความสามารถของลูกเป็นหลักด้วยนะคะ