การเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นคนดีนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย เพราะเด็กที่จะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต มีความรับผิดชอบ สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ เข้าสังคมได้ดี มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ต้องได้รับการดูแลเชิงบวกตั้งแต่ยังเล็ก ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และได้รับการปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดีจากครอบครัวเป็นหลัก ที่สำคัญพ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีของลูก แต่จะมีวิธีอย่างไรให้ง่ายขึ้นในการสอนลูก เรามีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน Harvard Acedemy มาบอกต่อกันค่ะ คุณพ่อคุณแม่ลองนำไปปรับสอนลูกกันได้ ดังนี้เลย
ความโกรธ ความเศร้า หรือแม้แต่ความผิดหวัง ล้วนเป็นอารมณ์ที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจไม่ใช่แค่สำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นกับเด็กเช่นเดียวกัน สิ่งสำคัญคือพ่อแม่ควรสอนให้ลูกจัดการกับอารมณ์แง่ลบให้ได้ เมื่อไหร่ที่เขาโมโห ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ให้ใช้ช่วงเวลาที่ลูกเริ่มรู้สึกใจเย็นขึ้นมาบ้าง ให้ข้าไปพูดคุย และสอนใช้เทคนิคการหายใจเข้าทางจมูก หายใจออกทางปาก พร้อมกับพยายามนับ 1-5 เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คนเราเกิดความรู้สึกโมโห เลือดในร่างกายจะสูบฉีดอย่างแรง และหัวใจจะเต้นรัวมากกว่าปกติ ดังนั้นการกำหนดลมหายใจ เปรียบได้เหมือนเครื่องมือที่ใช้จัดการกับอารมณ์ร้ายได้เป็นอย่างดี
พ่อและแม่ คือต้นแบบที่ลูกจะเรียนรู้ และเอาอย่าง สิ่งสำคัญที่สุดคือการสอนให้พวกเขามีความรับผิดชอบ ต่ออะไรก็ตามที่ได้กระทำลงไป อย่างเช่น กินขนมเสร็จก็ต้องนำไปทิ้งให้เป็นที่เป็นทาง ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ให้พ่อแม่พยายามอธิบายกับลูก ๆ อย่างใจเย็นว่า อะไรคือความรับผิดชอบ และมันส่งผลอย่างไรบ้างระหว่างตัวของลูกเอง และสังคมรอบข้าง แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ตัวของพ่อแม่เอง ที่นอกจากจะสอนลูกแล้ว ก็ต้องไม่ลืมที่จะทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีด้วย
แน่นอนว่าในสังคมโรงเรียนของเด็ก ๆ จะมีทั้งเด็กดื้อ และเด็กเรียบร้อยรวมกันอยู่ และส่วนมากเด็กดื้อก็มักจะมาแกล้งเพื่อน ๆ ที่เรียบร้อยกว่า วิธีที่จะช่วยให้ลูกของเราตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ คือการลองให้ลูกของเราเองจินตนาการดูว่า ถ้าตัวเองได้เป็นคนที่ด้อยกว่า เขาจะรู้สึกอย่างไร? วิธีนี้จะช่วยให้เด็ก ๆ ได้เห็นภาพ และได้เห็นมุมมองอีกด้านหนึ่งของคนอื่น อีกทั้งพ่อแม่ควรให้ลูก ๆ คิดถึงคนอื่นที่นอกเหนือจากเพื่อนที่โรงเรียนด้วย เช่น คนไร้บ้าน คนพิการ ฯลฯ การพูดคุยกับเขาในเรื่องนี้ตั้งแต่เด็ก จะช่วยให้เขารู้จักที่จะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนรอบข้าง และไม่รังแกคนที่ด้อยกว่า
การแสดงออกถึงความซาบซึ้งใจต่อสิ่งที่ผู้อื่นทำให้เด็กนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในสังคมอย่างมาก ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า พ่อแม่ควรสอนให้ลูก ๆ รู้จักที่จะขอบคุณในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อน อย่างเช่น การบอกให้ลูกไปกอดคุณยายที่ทำขนมให้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่อร่อยก็ตาม หรือขอบคุณเพื่อนรุ่นเดียวกัน เมื่อแบ่งปันขนมให้ ถึงแม้ว่าจะต้องพูดกับคนที่ไม่รู้จัก หรือคนที่ไม่สนิทสนมด้วยก็ตามมีงานวิจัยเผยว่า คนที่แสดงออกถึงความซาบซึ้งใจต่อคนอื่น จะมีความสุข และสุขภาพที่ดีกว่าคนที่ดูเหมือนจะเย่อหยิ่ง และไม่ยอมก้มหัวให้ใคร
ส่วนใหญ่แล้วพ่อแม่มักจะมองหาความสำเร็จของลูกผ่านผลการศึกษา จนอาจจะลืมไปว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างอื่น ก็อาจส่งผลต่อพฤติกรรมที่เหมาะสมของเขาได้เช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า ให้พ่อแม่คุยกับลูกอย่างเป็นประจำ ยกตัวอย่างถึงบุคคลที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม และทำให้เค้าเห็นถึงพฤติกรรมที่เหมาะสมในแง่อื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเรื่องการรักษาสัญญา การเคารพต่อผู้อื่น และต้องไม่ลืมว่า พฤติกรรมส่วนใหญ่นั้น ลูก ๆ มักจะเลียนแบบมาจากพ่อแม่ที่บ้านนั่นเอง
เป็นการสอนลูกเชิงบวกที่ดีมากใช่ไหมคะ แต่ละข้อสามารถนำไปปรับใช้กับลูกได้เลย แต่ก่อนอื่นพ่อแม่ต้องเป็นต้นแบบที่ดีให้ลูกได้ และต้องปรับตัวเติบโตไปกับลูกในทุก ๆ วัน เพื่อให้ส่งผลดีกับลูกให้มากที่สุดค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.catdumb.com , เว็บไซต์ Brightside