การเตรียมความพร้อมก่อนไปโรงเรียนให้กับเด็กถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่พ่อแม่จะต้องทำ ทั้งการเตรียมความพร้อมด้านร่างกาย และการเตรียมความพร้อมด้านจิตใจมีความสำคัญมากที่สุด
เด็กที่เตรียมความพร้อมมาได้ดี จะปรับตัวได้เร็ว มีความสุขกับการไปโรงเรียน สนุกสนานกับกิจกรรม เล่นกับเพื่อนได้เป็นอย่างดี ส่วนเด็กที่ไม่ได้เตรียมความพร้อม เด็กอาจจะปรับตัวได้ยาก งอแง ไม่อยากไปโรงเรียน ไม่เล่นกับเพื่อน ไม่สนุกกับกิจกรรมใดๆ ดังนั้น ก่อนไปโรงเรียน เป็นช่วงสำคัญที่ต้องเตรียมกันให้พร้อม สิ่งที่พ่อแม่จะช่วยเตรียมตัวความพร้อมก่อนไปโรงเรียน มีดังนี้
1.ฝึกให้เด็กช่วยเหลือตัวเอง
พ่อแม่ควรฝึกให้เด็กดูแลตัวเอง ทำสิ่งง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง เพราะเมื่ออยู่ที่โรงเรียนเด็กจะต้องดูแลตัวเองมากขึ้น แม้ว่าครูจะคอยดูแล และพยายามฝึกเด็กให้ช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ที่โรงเรียนก็มีเด็กจำนวนมากที่ครูต้องดูแล เด็กที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ ก็ต้องรอความช่วยเหลือจากครู
ดังนั้น พ่อแม่ควรฝึกให้เด็กทำได้หลายๆ อย่าง ดังนี้
- ฝึกให้เด็กคุ้นเคยกับการนั่งกินข้าวที่โต๊ะเป็นเวลา และร่วมโต๊ะกับผู้ใหญ่
- เด็กจะได้พยายามเลียนแบบ ฝึกให้เด็กตักกินเอง
- แม้ว่าจะหกเลอะเทอะก็ต้องปล่อยให้ฝึกไป
- หาจานช้อนชามที่มีสีสันน่ารักชวนกินและหยิบจับได้สะดวกเหมาะมือของเด็ก
- ชมเชยให้กำลังใจ เด็กทุกครั้ง
- ฝึกให้เด็กแต่งตัวเองได้ อาจจะติดกระดุมได้บ้าง
- ฝึกให้เด็กใส่รองเท้าเองได้
- จัดตู้เสื้อผ้าให้หยิบง่าย สะดวก และให้เด็กหัดเลือกเสื้อผ้าใส่เอง
- แนะนำการแต่งตัวไปตามลำดับ เช่น เริ่มจากเสื้อ กางเกง ถุงเท้า รองเท้า
- เตือนให้ไปเข้าห้องน้ำเมื่อถึงเวลา โดยต้องประมาณเวลาสัก 2 - 3 ชั่วโมงหลังจากดื่มนม-น้ำ สอนเด็กว่า ค่อยกลับมาเล่นใหม่ได้ ให้เข้าห้องน้ำให้ทัน
- อธิบายให้ฟังถึงขั้นตอนการใช้ห้องน้ำ เมื่อต้องไปเข้าห้องน้ำเอง ไปลำดับ เริ่มตั้งแต่กอดกางเกง นั่ง ทำความสะอาด สวมกางเกง
- กดน้ำ ล้างมือทุกครั้ง
- สอนให้เด็ทำความสะอาดด้วยตัวเอง อื่นๆ
- ฝึกให้มีความคล่องแคล่วว่องไว
- สามารถวิ่งเล่นได้
- เล่นเครื่องเล่นสนามได้
- ฝึกให้เด็กรู้จักระมัดระวัง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ
พ่อแม่ควรฝึกให้เด็กดูแลตัวเองให้เหมาะสมตามวัย เพราะการที่เด็กดูแลตัวเองได้ เด็กจะรู้สึกว่าพึ่งตัวเองได้ นำไปสู่ความรู้สึกมั่นคงและเป็นสุข และที่สำคัญในการฝึกพ่อแม่ต้องให้คำชมเชยแก่เด็ก ให้กำลังใจ ทำให้การฝึกเป็นเรื่องสนุกสนาน ไม่ใช่ฝึกไป ตำหนิไป เด็กจะเบื่อ ไม่ชอบ ที่จะช่วยเหลือตัวเองไปเลย
2.ฝึกให้เด็กบอกความต้องการได้
พ่อแม่ต้องฝึกให้เด็กบอกถึงความต้องการของตัวเอง บอกความรู้สึกแบบง่ายๆ ได้ พ่อแม่ต้องใจเย็น อดทน ไม่ทำอะไรให้โดยที่เด็กยังไม่ร้องขอ เพราะเมื่อเด็กไปโรงเรียนใหม่ๆ ครูจะยังไม่รู้ว่าเด็กแต่ละคนเป็นอย่างไร ชอบอะไร ต้องการอะไร รู้สึกอย่างไร ดังนั้นต้องฝึกให้เด็กรู้จักที่จะบอกความต้องการของตัวเอง
บอกความต้องการ
- ต้องไม่ทำให้เด็กจนกว่า เด็กจะบอกว่าต้องการอะไร
- ไม่เดาใจ ไม่พูดแทนเด็ก แต่ใช้วิธีตั้งคำถามกลับให้เด็กตอบ ให้เด็กบอกความรู้สึกออกมาด้วยการค่อย ๆ ถามไถ่ เพื่อให้ค่อยๆ พูดออกมา
- ฝึกให้เด็กรู้จักพูด พูดบอกคนอื่นได้ว่า ตัวเองต้องการอะไร เช่น อยากเข้าห้องน้ำ หิวน้ำ หิวนม ถุงเท้าหาย เพื่อนแกล้ง
- เมื่อเด็กพูดไม่ชัด พ่อแม่และคนในครอบครัวจะต้องพูดคำที่ถูกต้องกับเด็ก หัดให้เด็กพูดให้ชัด เพราะเมื่อไปโรงเรียนแล้ว ไม่มีใครสามารถเดาคำศัพท์แปลกๆ ของเด็กได้
- ฝึกให้เด็กรู้จักฟังคนอื่นพูด จะได้ทำกิจกรรมต่างๆ อย่างสนุกสนาน ควรฝึกการออกคำสั่งที่ชัดเจนสั้นๆ ให้เด็กปฏิบัติตามอย่างถูกต้อง เมื่อลูกทำได้ก็ให้ทำตามคำสั่งต่อเนื่อง ซับซ้อนขึ้น เช่น หยิบเสื้อ กระโปรง เอาไปวางบนโต๊ะแล้วหยิบรองเท้าถุงเท้ามาให้แม่
- ฝึกการฟังด้วยการเล่านิทานก่อนนอน พ่อแม่ต้องตั้งคำถาม เพื่อฝึกการจับใจความ ฝึกการคิด ดังนั้น คำถามไม่ควรเป็นคำถามที่ตอบแค่ใช่หรือไม่ใช่ ฝึกให้แก้ปัญหาด้วยตนเอง อย่ารีบช่วยคิด หรือช่วยแก้ปัญหา
- พ่อแม่จะต้องดูจังหวะที่จะเข้าไปช่วย เพราะเด็กจะขาดทักษะในการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
- เมื่อเด็กทำไม่ได้ให้ใช้วิธีชี้แนะแต่ไม่ใช่ทำให้ พ่อแม่ควรให้กำลังใจและชมเชยเมื่อเด็กแก้ปัญหาได้เอง
3.ฝึกการรอคอย และการยอมรับกติกา
เมื่อไปอยู่ที่โรงเรียนเด็กจะต้องรอคอยแน่นอน เพราะห้องในเรียนมีเด็กหลายคน ดังนั้นต้องเริ่มฝึกตั้งแต่การรอคอยระยะสั้นๆ ไม่นานนัก และเริ่มให้รอเพื่อทำสิ่งที่เด็กสนใจ
- ต้องไม่ตอบสนองในทันทีที่เด็กต้องการ
- บอกให้รู้ว่าเมื่อรอ แล้วอีกไม่นานก็จะได้ ให้เด็กไปเล่นร่วมกับเด็กอื่น ๆ ที่ต้องการการเข้าคิว ต่อแถว หรือชี้ให้เห็น เมื่อต้องมีการเข้าคิวเวลาออกไปทำธุระนอกบ้าน เพื่อให้เด็กเห็นเป็นตัวอย่างและเข้าใจชัดเจนขึ้น
- ฝึกการรอคอย หัดรอแม่ทำอะไรบางอย่างให้ โดยที่แม่ตั้งเงื่อนไขที่จะให้รางวัลกับเด็ก หากเด็กรอด้วยความอดทน ไม่งอแง เช่น “แม่เจียวไข่เสร็จแล้ว เราไปเล่นลูกบอลด้วยกัน” ซึ่งแม่ต้องรักษาสัญญา การฝึกนี้จึงจะได้ผล เพื่อให้เด็กไว้ใจในคำมั่นสัญญา ฝึกให้เด็กรอได้มีความสำคัญมาก เพราะยังหมายถึงการรอให้ถึงเวลากลับบ้านด้วย ซึ่งนี่เป็นเรื่องใหญ่ของเด็กเมื่อไปโรงเรียนใหม่ๆ การรักษาคำพูดของพ่อแม่ต้องเป็นเรื่องที่ลูกมั่นใจได้ ผึกเตรียมใจสำหรับการจากกัน เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะมีผลกระทบด้านจิตใจ
ดังนั้นเมื่อพ่อแม่จะออกจากบ้านไปทำงานหรือไปไหน จะต้องบอกเด็กว่าจะไปไหนและจะกลับเมื่อไหร่ แม้ว่าเด็กจะร้องตามหรือร้องไห้ แต่เมื่อทำจนคุ้นเคย เด็กจะเรียนรู้ว่า แม้จะร้องไห้ยังไงพ่อแม่ก็ต้องไป แต่พ่อแม่ก็จะกลับมาตามเวลาที่บอกไว้
- ฝึกการยอมรับกติกา เมื่อออกคำสั่งให้เด็กทำอะไร จะต้องบอกว่าทำเพื่ออะไร หรือทำเพราะอะไร ใช้คำอธิบายที่ไม่ซับซ้อนเพื่อปูพื้นฐานให้เด็กรู้จักเหตุและผล และรู้ถึงผลของสิ่งที่จะปฏิบัติ และให้โอกาสเด็กได้แสดงความคิดเห็น และ ร่วมตั้งกติกาด้วยจะช่วยให้เด็กเต็มใจทำยิ่งขึ้น
เมื่อฝึกให้เด็กได้เรียนรู้และยอมรับกฎกติกาอย่างเต็มใจ เมื่อไปโรงเรียนเด็กจะยอมรับในกฎ ข้อบังคับ ข้อห้ามของครูได้ หมั่นพาเด็กไปสถานที่ใหม่ๆ เพื่อให้โอกาสเด็กได้ปรับตัวกับสถานที่และกติกาของที่นั้นๆ ให้เด็กได้มีโอกาสพบและเล่นกับเด็กในวัยเดียวกัน เช่น พาไปสนามเด็กเล่น ไปบ้านเพื่อน บ้านญาติที่มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน สร้างทัศนคติที่ดีต่อโรงเรียน สร้างความคุ้นเคยกับสถานที่และบรรยากาศใหม่ๆ โดยหาโอกาสพาเด็กไปเที่ยวโรงเรียนที่คาดว่าจะให้เด็กไปเรียน ให้รู้สึกเหมือนกับการไปเที่ยว เด็กๆ มักจะติดใจและอยากไปโรงเรียนอีก เพราะโรงเรียนมีสนามเด็กเล่นและมีของเล่นให้เล่นสนุก พ่อแม่ควรจะพูดคุยกับถึงสิ่งที่จะได้พบที่โรงเรียน เช่น กิจกรรมสนุกสนาน ครู เพื่อน ของเล่น สนามเด็กเล่น และกิจกรรมต่างๆ ที่จะได้ทำที่โรงเรียน ทำไมจะต้องไปโรงเรียน
4.สร้างบรรยากาศ อยากไปโรงเรียน
- ให้พี่หรือญาติเป็นตัวอย่าง พ่อแม่เพียงย้ำให้เด็กรู้ว่า อีกไม่นานก็จะได้ไปโรงเรียน ได้แต่งชุดนักเรียนสวยๆ หล่อๆ เหมือนกับพี่ๆ
- หาหนังสือนิทานที่มีเรื่องราวสนุกสนานเกี่ยวกับโรงเรียน หรือข้อเสียของการที่ไม่ได้เรียนหนังสือมาอ่านให้ฟัง
- ชวนคุยถึงเรื่องการไปโรงเรียน อยากไปเล่นที่สนามเด็กเล่นหรือไปนั่งชิงช้าเล่นกับเพื่อนๆ อีกไหม หรือเล่นสมมติเป็นครูนักเรียน เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับการโรงเรียน
- ฝึกเด็กให้อยู่ร่วมกับแปลกหน้า เพราะการที่ต้องแยกจากพ่อแม่ ไปอยู่กับครูที่เด็กไม่คุ้นเคยกันมาก่อน ย่อมจะทำให้เด็กกลัวการพลัดพราก โดยในขณะที่เด็กจะไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วยหรือไปด้วยในบางครั้ง จะต้องบอกเด็กให้รู้ว่า พ่อแม่จะไม่อยู่ด้วย แต่เดี๋ยวก็จะกลับมาใหม่
- ปรับเรื่องของเวลา กิน นอน การทำกิจวัตรประจำวัน ให้สอดคล้องกับช่วงเปิดเทอมของเด็กให้มากที่สุด โดยเฉพาะเวลาเข้านอนและเวลาตื่น จัดจำนวนมื้ออาหารให้ใกล้เคียงกับที่โรงเรียนจะจัดให้
- ชวนเด็กไปเลือกซื้อของใช้ต่างๆ ทั้งกระเป๋า รองเท้า ถุงเท้า กระติกน้ำ สีเทียน สีไม้ เครื่องเขียนประจำตัว และอื่นๆ
ข้อสำคัญคือ ต้องวางแผนลางาน หรืออาจต้องหยุดงานเพื่อให้เวลากับลูกในช่วงแรกของการไปโรงเรียน เพื่อคอยดูเด็กในช่วงแรก ฝึกให้เด็กเข้านอนเร็วขึ้น เพื่อให้ได้พักผ่อนเต็มที่ ตื่นขึ้นมาตอนเช้าจะได้สดใสพร้อมไปโรงเรียน สำหรับวันไปโรงเรียนจริงๆ วางแผนการจัดเตรียมอาหาร เวลาอาบน้ำแต่งตัวของเด็ก และเผื่อเวลาสำหรับการเดินทาง พ่อแม่ต้องมีท่าทีที่สบายๆ ดูไม่กังวลหรือเครียด จะช่วยให้เด็กรู้สึกว่าการไปโรงเรียนเป็นเรื่องปกติ และไม่น่ากลัวอะไร