พฤติกรรมเลียนแบบเป็นพัฒนาการการเรียนรู้ตามธรรมชาติของเด็กๆ ค่ะ หากคุณแม่เผลอหลุดพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่เหมาะสมออกไป ต้องรีบยับยั้งพฤติกรรมหรืออารมณ์นั้นโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ลูกของเราเลียนแบบ หรือเกิดความเครียด กดดันจากพฤติกรรมของเราค่ะ 3 พฤติกรรม อย่าทำให้ลูกเห็น
เพราะลูกวัย 3- 6 ปีเรียนรู้จากการเลียนแบบ หากคุณแม่อยากให้ลูกมีพฤติกรรมที่เหมาะสมตามวัย และฉลาดที่จะเรียนรู้แบบไหนก็ต้องเป็นต้นแบบพฤติกรรมที่ดีนั้นให้ลูกเห็น รวมทั้งเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมด้วยค่ะ
คือการที่คุณพ่อคุณแม่ควบคุมลูกมากเกินไป เช่น การให้ลูกเรียนเยอะๆ แต่ไม่ได้คำนึงถึงสิ่งที่เขาอยากเรียน หรือเป็นสิ่งที่ลูกสนใจจริงๆ รวมถึงเรื่องการสอนมารยาทด้วยค่ะ คุณแม่บางคนอาจจริงจังกับเรื่องมารยาทของลูกในทุกโอกาส ทุกสถานที่ ซึ่งหากเรายิ่งสร้างความกดดันให้เขาลูกก็จะยิ่งไม่จดจำ แต่ควรจะเป็นวิธีที่ทำให้ลูกเห็น หรือทำไปด้วยกัน เขาก็จะเกิดการซึมซับที่ดีกว่าค่ะ
นอกจากนี้คุณแม่ควรคำนึงถึงความเหมาะสมของลูกเป็นหลัก ปล่อยให้เขาได้เรียนรู้ตามพัฒนาการตามวัยบ้าง เพราะการเรียนรู้ที่ดีจะต้องมาพร้อมความสุข สำหรับบางเรื่องถ้าเราอยากสอนให้ลูกเข้าใจ ลองสอนเขาผ่านหนังสือนิทาน โดยอาจเลือกเรื่องที่เราต้องการสอน เช่น ความขยันหมั่นเพียร หรือเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหาร รวมทั้งการเรียนรู้กฎกติกาง่ายๆ เป็นต้น ค่อยๆ สอดแทรกไปเรื่อยๆ ลูกก็จะเกิดการเรียนรู้ไปตามธรรมชาติ โดยไม่รู้สึกว่าถูกบังคับจนเกินไป
หากพ่อแม่ยอมลูกไปเสียทุกอย่าง ตามใจไปทุกเรื่องย่อมไม่เป็นผลดีในระยะยาว จะทำให้ลูกไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และไม่เข้าใจขอบเขตการแสดงออกต่อผู้อื่นอย่างเหมาะสม
คุณพ่อคุณแม่สามารถปฏิบัติกับลูกอย่างยืดหยุ่นได้ค่ะ เช่น ให้ลูกรู้จักสิทธิ์ของตัวเอง และเคารพสิทธิ์ของผู้อื่น คุณแม่อาจตั้งกฎว่าก่อนที่ลูกจะใช้ของส่วนตัวของแม่ ต้องขออนุญาตก่อนทุกครั้ง และเมื่อคุณแม่อนุญาตแล้วก็ควรกล่าวคำขอบคุณ ซึ่งคุณแม่เองก็จะทำเหมือนกัน หากทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน ให้อยู่ในความเคยชิน ลูกก็จะค่อยๆ เกิดการเรียนรู้จดจำในที่สุด
การฟังเป็นพื้นฐานของความเข้าใจค่ะ หากคุณแม่เน้นแต่การพร่ำสอน โดยไม่ได้ฟังลูกอย่างใส่ใจเลย นอกจากจะยิ่งทำให้เราไม่เข้าใจพฤติกรรมที่ลูกทำแล้ว ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดอีกด้วย
ดังนั้นคุณแม่ควรฟังลูกอย่างใส่ใจทุกครั้งที่เขามีเรื่องเล่า หรือมีปัญหากับเพื่อนที่โรงเรียน รวมทั้งหากเราสังเกตเห็นว่าลูกมีพฤติกรรมที่แปลกไป ก็ควรรีบเข้าหาและพยายามพูดคุยเพื่อให้ลูกบอกความในใจค่ะ เพราะจริงๆ แล้วเด็กวัยนี้เพียงต้องการให้คุณพ่อคุณแม่ฟังเขา โดยไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือใดๆ นอกจากอ้อมกอดที่อ่อนโยน และเต็มไปด้วยความเข้าใจของพ่อแม่ค่ะ