คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงเจอปัญหาเรื่องลูกขี้อาย ไม่กล้าแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่น หรือไม่มั่นใจในตัวเอง ซึ่งธรรมชาติของเด็กขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก มักเป็นเด็กที่คิดเยอะ ระวังตัว ไม่มั่นใจในการตัดสินใจของตนเอง มีความกังวลสูงกว่าเด็กที่ไม่ขี้อาย เขาจึงสร้างกรอบให้ตนเอง ดังนั้นการพาลูกออกจากกรอบของตนเอง จึงต้องเริ่มจากการทำลายกรอบที่ผู้ใหญ่สร้างให้เขาก่อนค่ะ
ลองปล่อยให้ลูกช่วยเหลือตนเองตามวัยที่เขาสามารถทำได้ตั้งแต่เล็ก เช่น ปล่อยให้ลูกกินข้าวเอง แม้จะหกเลอะเทอะบ้าง หรือถ้าเป็นเด็กโตก็ปล่อยให้ลูกจัดกระเป๋าไปโรงเรียนเอง จัดกระเป๋าเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดเอง เป็นต้น
เปิดโอกาสให้ลูกคิด ให้ลูกตัดสินใจอะไรด้วยตนเอง เช่น เลือกเสื้อผ้า รองเท้าเองเวลาจะออกไปเที่ยว งดการตำหนิเมื่อการตัดสินใจและการช่วยเหลือตนเองของลูกเกิดความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ และให้กำลังใจด้วยการชมเชยเมื่อลูกทำอะไรได้ดี ถูกต้องและแสดงน้ำใจ อัธยาศัยที่ดีต่อผู้อื่น
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้ลูกเกิดความเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้น เปิดตนเองต่อโลกภายนอกและได้เรียนรู้ว่าความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกลัว
ส่วนการสร้างแรงเสริมอีกทาง ด้วยการสนับสนุนจากพ่อแม่ ได้แก่
การหากิจกรรมให้ลูกพบความสามารถหรือจุดเด่นของตนเอง ได้พบเพื่อนและสร้างความผ่อนคลายไปด้วย เช่น การทำหรือเรียนกิจกรรมศิลปะ กีฬา ดนตรี แบบเป็นกลุ่ม
การให้ลูกได้พบ ได้เล่นกับเด็กกล้าแสดงออก มีมนุษยสัมพันธ์ดีบ่อยๆ จะทำให้เด็กได้เห็นวิธีการสร้างสัมพันธภาพและเลียนแบบพฤติกรรมเหล่านี้ได้ง่ายกว่าการบอกหรือสอนโดยผู้ใหญ่
การให้โอกาสลูกในการฝึกสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น การผูกสัมพันธ์กับผู้อื่นไม่ใช่เรื่องง่าย จึงต้องอาศัยคุณพ่อ คุณแม่ในการหยิบยื่นโอกาส พาลูกออกไปเจอโลกภายนอก ให้ลูกได้มีประสบการณ์ร่วมกับเด็กหรือผู้ใหญ่นอกครอบครัวบ่อยๆ
เด็กวัยอนุบาลนิสัยต่างๆ เริ่มพัฒนามาเป็นบุคลิกภาพ และเด็กๆ เริ่มมีความเป็นตัวของตัวเองที่ชัดเจนขึ้น การแสดงความต้องการ หรือการปฏิเสธอะไร จะมีความชัดเจน มีจุดยืน ไม่ถูกโน้มน้าวให้เปลี่ยนใจได้ง่ายๆ เหมือนสมัยเล็กๆ
การปรับพฤติกรรมลูกจึงต้องอาศัยความเข้าใจถึงที่มาที่ไปของพฤติกรรมเหล่านี้ ใช้เวลานานและต้องอาศัยความพยายามอย่างแยบยลของพ่อแม่มากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่จะช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้นสำหรับเด็กขี้อายคือเปิดโอกาสให้ลูกได้พูดและรับฟังลูกให้มาก เพื่อให้เราได้เข้าใจมุมมองของลูก และเพื่อให้ลูกเข้าใจว่า พ่อแม่คือคนที่พร้อมจะรับฟังและอยู่เคียงข้างลูก แล้วกรอบกำแพงในใจของลูกจะค่อยๆ ทลายลงค่ะ