เนื่องจากเด็กที่คลอดธรรมชาติจะมีโอกาสได้รับจุลินทรีย์สุขภาพจากช่องคลอดของแม่ ผ่านทางปากเพื่อไปเป็นภูมิต้านทานตั้งต้นในลำไส้ และช่วยให้ลูกน้อยไม่เจ็บป่วยง่ายเพื่อรองรับทุกพัฒนาการ และการเจริญเติบโตในอนาคต การคืน “ภูมิต้านทาน” ให้ลูกน้อยที่ผ่าคลอดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณแม่ควรดูแลอย่างดีที่สุด เพื่อให้ลูกน้อยมีพื้นฐานสุขภาพที่ดีในระยะยาว จะด้วยวิธีใดอย่างไรบ้าง มารู้จักกับแหล่งกำเนิดภูมิต้านทานของลูกน้อยกันค่ะ
น้ำนมแม่... ภูมิต้านทานธรรมชาติที่ดีที่สุด ถึงจะผ่าคลอด แต่คุณแม่ก็คืนภูมิต้านทานให้ลูกน้อยได้ด้วยนมแม่โภชนาการที่ดีที่สุด ซึ่งมีจุลินทรีย์สุขภาพ (โพรไบโอติก) และอาหารของจุลินทรีย์สุขภาพ (พรีไบโอติก) ที่ทำงานร่วมกันแบบ ซินไบโอติก ส่งเสริมภูมิต้านทานให้กลับคืนมา ช่วยให้ลูกไม่เจ็บป่วยง่าย
โภชนาการที่เหมาะสมสำหรับลูกน้อยผ่าคลอด ศาสตราจารย์แพทย์หญิงจรุงจิตร์ งามไพบูลย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แนะนำว่าการเพิ่มภูมิต้านทานให้ลูกน้อย ควรให้ลูกได้ดื่มนมแม่อย่างน้อย 6 เดือนหลังคลอด หากคุณแม่ไม่สามารถให้ได้หรือต้องให้นมผสม จำเป็นต้องใช้นมสูตรพิเศษที่ช่วยพัฒนาระบบภูมิต้านทาน
ผลพิสูจน์ทางการแพทย์พบว่า การให้นมสูตรเสริมจุลินทรีย์สุขภาพ (บิฟิโดแบคทีเรีย เบรเว เอ็ม 16 วี) และอาหารของจุลินทรีย์สุขภาพ (กอส แอลซีฟอส อัตราส่วน 9:1) ที่ทำงานร่วมกันเรียกว่า ซินไบโอติก (Synbiotic) เอกสิทธิ์เฉพาะ จะมีประโยชน์ช่วยพัฒนาระบบภูมิต้านทาน ปกป้องลูกน้อยให้มีโอกาสเจ็บป่วยน้อยลง โดยลดอาการคล้ายหอบหืดลงหลังติดตามผลเป็นระยะเวลา 1 ปี (2)
อย่างไรก็ตาม สำหรับคุณแม่ที่สามารถให้นมลูกได้ตามปกติ และถึงช่วงที่ต้องการเริ่มให้ลูกดื่มนมชง คุณแม่ควรค่อยๆ ปรับให้ลูกดื่มทีละน้อย และควรเริ่มหลังจากลูกเริ่มหย่านมแม่ เพราะเด็กๆ ในช่วง 6 เดือนแรกหลังคลอดจะต้องได้รับนมแม่เป็นอาหารหลักและต่อเนื่อง ซึ่งจะดีที่สุดสำหรับทารกแรกเกิด
ทารกผ่าคลอดมีโอกาสเจ็บป่วยมากกว่าปกติ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นทุกคนนะคะ ดังนั้นคุณแม่ไม่ควรกังวลมากเกินไป เพียงมั่นสังเกตพัฒนาการและสุขภาพของเขาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง หากพบความผิดปกติจะได้ป้องกันและดูแลได้ทันถ่วงที ซึ่งเรื่องสุขภาพของลูกเล็กเป็นพื้นฐานสำคัญในการต่อยอดไปสู่การเรียนรู้และการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคตค่ะ