10 เรื่องที่พ่อแม่ทำร้ายและทำลายลูก ด้วยการสอบเข้า ป.1
10 เรื่องที่พ่อแม่ทำร้ายและทำลายลูก ด้วยการสอบเข้า ป.1
การสอบเข้าป. 1 ของเด็กอนุบาลกำลังดุเดือดขึ้นทุกทีค่ะ เพราะโรงเรียนดี โรงเรียนดังรับเด็กจำนวนจำกัด พ่อแม่เลยสู้ตายเพื่อให้ลูกเข้าเรียนให้ได้ เราจึงเห็นภาพเด็กอนุบาลเรียนพิเศษ ติวเข้มข้อสอบเข้าป.1 พ่อแม่ถามหาตัวอย่างข้อสอบของโรงเรียนต่างๆ มาให้ลูกได้ลองทำ หรือแม้แต่เห็นภาพเด็กๆ รวมตัวกันในวันสอบ
อนาคตของลูกเป็นเรื่องสำคัญและพ่อแม่อยากให้ลูกมีอนาคตที่ดีเช่นกัน แต่รู้ไหมคะว่าการเร่งเรียน เรียนพิเศษ ติวเข้มให้ลูกวัยอนุบาลเพื่อสอบเข้าป.1 กลายเป็นการทำลายชีวิตลูกที่พ่อแม่ไม่รู้ตัวเลย ลองตั้งสติแล้วมาดูกันสักนิดว่า หากเราผลักดันลูกอนุบาลลงสนามสอบแข่งขันเข้าป.1 เราทำร้ายและทำลายลูกอย่างไรบ้าง
- เวลาเล่นหนูหายไป - เด็กอนุบาลยังเป็นวัยเล่นและเรียนรู้ได้มากผ่านการเล่น ถ้าพ่อแม่จับลูกมานั่งอ่านหนังสือ เรียนพิเศษ เขาจะพลาดช่วงเวลาสำคัญนี้ไป
- เพื่อนหนูหายไป - เพราะการเล่นทำให้ลูกมีเพื่อน ถึงการไปเรียนพิเศษจะได้เจอเพื่อน แต่ก็เป็นเพื่อนที่มาเรียนพิเศษ ต่างคนต่างทำแบบฝึกหัดแต่ไม่ใช่เพื่อนที่จะได้เล่นสนุก และพัฒนาความสัมพันธ์ไปด้วยกัน
- บางทักษะหนูยังไม่พร้อม - ไม่ใช่เด็กอนุบาลทุกคนที่จะจับดินสอ เขียนหนังสือ หรืออ่านหนังสือได้ค่ะ เพราะเด็กแต่ละคนมีวิธีเรียนรู้และความพร้อมที่ต่างกัน หากลูกเรายังไม่พร้อมแต่จำเป็นต้องทำ ลูกจะขาดการฝึกฝนตามระยะเวลาที่เหมาะสม กดดัน รู้สึกเครียด
- หนูยังคิดไม่ทัน - ถ้าใครได้เคยเห็นข้อสอบเข้าป.1 จะทราบว่าหลายข้อก็ยากมาก เช่น การบวกเลข ศัพท์ภาษาอังกฤษยากๆ หากพ่อแม่เร่งให้ลูกจำ เขาจะได้แค่จำแต่ไม่ใช่เรียนรู้ เผลอๆ พอถึงห้องสอบลูกจะลืมที่จำมา ทำข้อสอบไม่ได้
- แม่กำลังใช้คำพูดทำร้ายหนู - ทำไมแค่นี้ทำไม่ได้ ถ้าทำไม่เสร็จจะไม่ให้ไปเล่น รีบๆ ทำให้เสร็จอย่ามัวแต่เล่น คำพูดแบบนี้สำหรับผู้ใหญ่อาจไม่ร้ายแรง แต่สำหรับลูกที่ยังไม่พร้อมเรียนรู้เรื่องยากๆ นี่คือการใช้คำพูดทำร้ายและบั่นทอนใจลูกค่ะ
- แม่กำลังรักหนูน้อยกว่าลูกข้างบ้าน - สอบได้จะได้เรียนโรงเรียนดีๆ เหมือนพี่ข้างบ้าน เพื่อนหนูยังทำได้เลยทำไมหนูทำไม่ได้ การยกลูกคนอื่นมาเปรียบเทียบกับลูกเรา ไม่ใช่วิธีให้กำลังใจลูกนะคะ แต่นั่นยิ่งทำให้ลูกน้อยใจ กดดัน และขาดพลังใจ
- หนูต้องกิน นอน และโตในรถใช่ไหมแม่ - การเร่งเรียน เรียนพิเศษ ติวเข้มสอบเข้าป.1 ทำให้พ่อแม่ต้องพาลูกไปเรียนตามสถาบันที่ว่ากันว่าดี ลูกอยู่ในรถตลอดเวลาจนเขาขาดพื้นที่ เหนื่อยล้า ง่วงซึม เพราะไม่มีช่วงที่จะได้ออกมาวิ่งเล่นได้เหมือนเด็กปกติ
- พ่อแม่กำลังทำให้หนูเครียด - เรียนพิเศษทุกวัน ต้องจำเรื่องที่ยากเกินวัย ต้องฝึกทุกทักษะที่ยังไม่พร้อม ลูกจะเกิดความเครียดเพราะความคาดหวังจากพ่อแม่ ส่งผลให้ซึมเศร้า ไม่ร่าเริง หรือเด็กบางคนอาจรุนแรงถึงขั้นไม่กินข้าว ปวดหัว อาเจียนส่งผลต่อสุขภาพในอนาคตแน่นอน
- พ่อแม่กำลังทำให้หนูรับความผิดหวังครั้งใหญ่ในเวลาที่หนูไม่พร้อม - หากลูกสอบไม่ได้แล้วต้องได้ยินว่าเพื่อนคนอื่นได้ ได้ยินแม่ของเพื่อนถามว่าทำไมหนูทำไม่ได้ นั่นคือการทำให้ลูกรู้สึกผิดหวังกับเรื่องใหญ่ที่ทุกคนมองว่าสำคัญ ทั้งที่ช่วงวัยนี้ลูกควรเรียนรู้ความผิดหวังจากเรื่องเล็กๆ ก่อน เช่น อยากไปสวนสนุกแต่สวนสนุกปิด ระบายสีส่งคุณครูแต่ได้ดาวน้อยกว่าเพื่อนเพราะระบายสีนอกกรอบเยอะไป การให้ลูกผิดหวัง ยอมระบ และแก้ไขจากเรื่องเล็กๆ ตามวัยที่เขาควรจะได้เจอคือการฝึกความเข้มแข็งของจิตใจ ไปพร้อมๆ กับการเรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นกับเรื่องที่ตัวเองสามารถทำได้ แต่การผิดหวังจากการสอบเข้าป.1 ไม่ได้ เป็นความผิดหวังที่เกิดจากพ่อแม่และคนรอบข้างที่ทำลายจิตใจลูกได้มากเลยทีเดียว
- พ่อแม่กำลังทำลายและมองข้ามความสามารถอื่นของหนู - สำหรับเด็กอนุบาล สิ่งที่พ่อแม่ต้องผลักดันคือการเปิดโอกาสให้ลูกได้ลองและรู้ในทุกๆ เรื่องที่เขาสนใจ เพื่อมองหาทักษะ ความถนัด และความชอบในการส่งเสริมเขาให้เต็มที่ แต่การเร่งเรียนเพื่อให้สอบเข้าป.1 ทำให้พ่อแม่มองข้ามทักษะและความสามารถอื่นของลูกไปโดยสิ้นเชิง
ลูกเราไม่ใช่ตุ๊กตาที่จับวางตั้งหรือบิดรูปร่างได้ตามความชอบของพ่อแม่นะคะ เขาคือคนคนหนึ่งที่มีความชอบ ความถนัด ความสามารถ และจิตใจที่มีลักษณะเฉพาะในแบบของเขาเอง ในฐานะพ่อแม่ การดูแลให้เติบโตอย่างแข็งแรงและปลอดภัยคือสิ่งสำคัญ และพ่อแม่อีกเช่นกันที่เป็นผู้เปิดโอกาสให้ลูกได้พัฒนาทักษะรอบด้านอย่างเต็มที่ เพื่อที่เราจะได้ส่งเสริมเขาไปให้ถูกทางอย่างถูกต้อง
ความสุขของลูกสำคัญกว่าการสอบนะคะ