วิธี Mix & Match ชุดสวยๆ ให้ลูกสาวแสนน่ารัก
ความสุขและสนุกของแม่ฉัตรทิพย์ โลห์จรัสศิริ (แม่ฝน) คือการที่ได้แต่งตัวให้ลูกสาวที่แสนจะน่ารัก น้องต้นน้ำ วัยเกือบสองขวบ (เด็กหญิงปรางค์ทิพย์ พงศ์เจตน์พงศ์) ด้วยเสื้อผ้าที่จับมา Mix & Match กันได้อย่างพอดิบพอดี จับเสื้อตัวโน้นใส่กับกางเกงตัวนี้ หรือจะเป็นตัวนั้น ตัวโน้น แล้วก็ตัวโน้นนนน...ก็จะได้ชุดใหม่อีกหลายๆ ชุดที่สวยแปลกตาและน่ารัก มีการเพิ่มออปชั่นด้วยผ้าพันคอแบบหวานแหววแต่งด้วยโบผูกผม หรือกิ๊บอีกนิดหน่อย เท่านี้ลูกสาวตัวน้อยก็ได้รับเสียงชมเพี้ยบ..บบ สมกับเป็นแม่ที่ฉลาดเลือกจริงๆ
เรามาดูกันค่ะว่าคุณแม่เค้ามีวิธีเลือกซื้อเสื้อผ้าของลูกสาวยังไง แล้วนำมา Mix & Match แบบไหนนะ ถึงได้มีแต่คนชมกันทั้งบ้านทั้งเมืองว่าสาวน้อยมีสไตล์การแต่งตัวที่เก๋ไม่ ซ้ำใคร
"สนุกกับการแต่งตัวให้ลูกค่ะ แบบที่ต้องเลือกเอาเสื้อผ้ามาแมทช์กัน อย่างสมมติว่าเช้านี้ถ้าฝนเป็นคนเลือกชุดให้ต้นน้ำ ก็จะรอดูว่าพอมาถึงที่ทำงานจะมีคนชมไหม คือตื่นเต้นตรงนี้ด้วย มันสนุก แล้วก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราภูมิใจด้วยว่าคนชมว่าลูกเราแต่งตัวสวยบ้าง แต่งตัวน่ารักบ้าง ก็แสดงว่าเรามีสายตาที่โอเคอยู่เหมือนกันนะ แบบว่าเราเป็นสไตล์ลิสให้ลูกได้ เออ...เราก็สามารถที่จะเอาชุดที่มาจากคนละทิศคนละทางมาแมชกันได้สวยและลงตัว
เริ่มจากต้องดูเรื่องโทนสี เนื้อผ้าด้วยค่ะ ซึ่งเสื้อผ้าแต่ละชุดก็จะมีคาแลคเตอร์ อย่างมีเสื้ออยู่ตัวหนึ่งเป็นเสื้อถักไหมพรมแขนสั้นสีเหลือง ตอนแรกที่ซื้อก็คิดอยู่ว่าซื้อมาแล้วจะได้ใส่ให้ลูกไหมหนอ ดูแล้วก็ยังไม่มีกางเกงที่จะเข้ากันได้
เผอิญวันต่อมาไปเจอกระโปรงที่คิดว่าน่าจะเข้ากันได้ ก็ซื้อมา พอเอามาใส่ด้วยกันแล้วรู้สึกว่ายังเข้ากันไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ต้องมีตัวเสริมก็เลยเอาเสื้อสีขาวเป็นเสื้อบางๆ คล้ายๆ เสื้อคอกระเช้าใส่ทับแล้วก็ใส่เสื้อถักลงไป ยังไม่จบแค่นั้นค่ะต้องผูกผ้าพันคอเพิ่มความกิ๋บเก๋ ส่วนทรงผมก็ต้องเข้ากันด้วย วันนั้นชุดต้นน้ำจะออกสไตล์ญี่ปุ่น ก็เลยทำผมสองข้างสูงๆ ใส่ถุงเท้าสีขาวให้เลยน่องขึ้นมา วันนั้นต้นน้ำจะถูกทักว่าเป็นป้าญี่ปุ่นบ้าง เป็นเด็กญี่ปุ่นบ้าง สนุกค่ะ ชอบมาก
ทรงผมจะทำทรงไหนก็ต้องดูชุดก่อน ถ้าชุดไหนดูแมนๆ ถ้าปล่อยผมก็อาจจะเหมือนเด็กผู้ชายไปหน่อย ก็ต้องรวบผม บางทีก็ถักเปียให้เค้าดูแก่นๆ แล้วก็มัดยางแต่ไม่ได้ใส่โบว์ ถ้าวันไหนหวานๆ ก็อาจจะรวบผมธรรมดา"
เสื้อผ้ามือสองคุณภาพไม่เป็นสอง
"เรารู้สึกว่าเสื้อผ้ามือสองก็ไม่แปลกอะไร แรกๆ ที่ซื้อคิดว่าเป็นเสื้อผ้ามือหนึ่ง เริ่มซื้อจากของตัวเองก่อน เริ่มจากกระเป๋า เพราะเห็นว่าสวยและไม่มีขายที่ไหน แล้วค่อยมาเป็นเสื้อ เมื่อก่อนก็จะซื้อเสื้อผ้าแบรนเนม บวกกับแฟชั่นสมัยนี้ ไม่ใช่สไตล์ที่เราชอบ สไตล์มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว จะมีเป็นสายเดี่ยว ซึ่งไม่ใช่บุคลิกเรา
ตอนแรกก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะซื้อให้ลูกใส่ดีไหม แต่เห็นแล้วน่ารักและถูกด้วย ก็เลยซื้อมาใช้เริ่มจาก 1-2 ชุดก่อน ปรากฎว่าแต่งให้ลูกแล้วทุกคนชม ตั้งแต่นั้นมาค่อนข้างที่จะซื้อเสื้อผ้ามือสอง แต่มือหนึ่งก็มีบ้างถ้าเห็นว่าสวยจริงๆ และถูกใจเรา
ก็ไม่รู้นะคะว่าท่านอื่นคิดยังไง แต่โดยธรรมชาติแล้วเด็กไม่ค่อยไปเปรอะเปื้อนอะไรที่ไหนมากมายหรอก แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เราซื้อมาก็เอามาทำความสะอาด เริ่มด้วยการแช่เด็ตตอลก่อนสักประมาณ 15-20 นาที พอแช่เสร็จก็ซักมือ 1 ครั้ง แล้วไปแช่น้ำเปล่า จากนั้นก็เอามาซักด้วยน้ำยาซักผ้าของลูก ให้หมดกลิ่นเด็ตตอล บิดแล้วก็เอาไปใส่เครื่องซักผ้าปรับอุณภูมิให้ร้อนเพื่อฆ่าเชื้อ ปั่นให้แห้ง นำไปตากแดด แล้วก็รีด เป็นอันเสร็จค่ะ"
เริ่มอยากรู้อีกอย่างแล้วใช่ไหมค่ะว่ามีหลักในการเลือกซื้อเสื้อผ้าแต่ละชิ้นยังไง
"ส่วนใหญ่จะเลือกตามความรู้สึกว่าเราชอบ เนื้อผ้าก็ต้องดู ดูสีด้วยอย่างสีขาวจะเห็นได้ชัด คือถ้ากลายเป็นสีมอๆ ก็ไม่เอา นอกจากเจอแบบที่เราถูกใจจริงๆ ถึงจะเอามา แล้วก็เนื้อผ้าถ้าผ่านการใช้งานมากมันจะเป็นตาราง เส้นด้ายที่ทอก็จะไม่แน่นแล้วจะยุ่ยๆ ดูด้วยตาก็รู้ แล้วที่สำคัญก็จะดูที่ป้ายบอกยี่ห้อด้วย ป้ายจะบอกความเก่าใหม่ ถ้าเก่ามากมันจะเปื่อย หรือดูลูกไม้ ดูความสะอาด ดูตะเข็บ
อย่างมีชุดหนึ่งเป็นชุดกิโมโน ครั้งแรกที่เห็นก็ดูแปลกตาดี คิดว่าจะซื้อไว้ให้เค้าใส่นอน หลังจากนั้นไปเห็นที่ห้างอิเซตัน แบบไม่ต่างกันเลย เนื้อผ้าก็เหมือนกัน ราคา 1,990 บาท เราซื้อได้ 20 บาท รู้สึกภูมิใจที่เราซื้อได้ถูก"
ป.ล. แม่ฝนแอบกระซิบว่า แหล่งเสื้อผ้าฉลาดเลือกนี้อยู่ที่ตลาดนัดวันศุกร์ ตรงข้ามตลาดบางซ่อน ติดกับทางรถไฟจ้า
คอลัมน์ : แม่ใหม่ฉลาดเลือก
ฉบับ : เดือนธันวาคม 2547/ BJ
เรื่อง : จี๋จ๋า