กระเจี๊ยบเขียวดี มีหมอรับประกัน
หลังจากที่เพจดังทั้งคุณหมอแมว เพจความรู้สนุกๆจากหมอแมวและ คุณจ่าดาม่า เจ้าของเพจ Drama-Addict โพสเรื่องกระเจี๊ยบเขียวไป คนก็เริ่มให้ความสนใจกระเจี๊ยบเขียวมากขึ้น
มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อาทิ คาร์โบไฮเดรต ไฟเบอร์ โปรตีน โฟเลท แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม เหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และวิตามินซี
มีสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างกลูตาไทโอน ซึ่งเป็นตัวช่วยในการซ่อมแซมเซลล์ และขจัดสารพิษในร่างกาย ช่วยต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี
ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น เพราะเมือกในกระเจี๊ยบเขียว จะมีสารในกลุ่ม polysaccharide ช่วยในการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ (พรีไบโอติก) ทั้งยังดูดน้ำเข้ามาในลำไส้ ช่วยให้ขับถ่ายง่ายขึ้น
ช่วยลดคอเรสเตอรอล มีงานวิจัยบอกว่า เมือกในกระเจี๊ยบเขียวจะไปจับกับน้ำดีและกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปจากร่างกายทำให้ลดคอเลสเตอรอลได้
เป็นยารักษาโรคกระเพาะ เพราะเมือกในกระเจี๊ยบเขียวทำให้แบคทีเรีย H.Pylori ที่เป็นสาเหตุของโรคกระเพาะอาหาร ไม่สามารถเกาะติดกับกระเพาะอาหารได้
เป็นยาแก้พยาธิตัวจี๊ด จากมูลนิธิหมอชาวบ้านบอกว่า นำผลกระเจี๊ยบเขียวที่ยังอ่อนมาปรุงเป็นอาหาร เช่น ต้มหรือย่างไฟให้สุก จิ้มกับน้ำพริก หรือทำแกงส้ม แกงเลียง กินวันละ 3 เวลาทุกวัน โดยจะกินเท่าไหร่ก็ได้ แต่อย่างน้อยวันละ 4-5 ผล ติดต่อกัน 15 วัน หรือบางคนต้องกินเป็นเดือนจึงจะหาย หรือตำรับที่ 2 ใช้รากกระเจี๊ยบแดง กระเจี๊ยบเขียว ต้มกิน
แล้วกระเจี๊ยบเขียวดีกับแม่ท้องมั้ย
กระเจี๊ยบเขียวมีโฟลิกสูง ข้อมูลจากนิตยสารโมเดิร์นมัม ฉบับเดือน กรกฎาคม 2555 บอกว่ากระเจี๊ยบเขียวต้ม ½ ถ้วย มีโฟลิกถึง 135 ไมโครกรัม
เสริมสร้างระบบประสาทของทารกในครรภ์ เมื่อกินกระเจี๊ยบเขียวเป็นประจำ จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของทารกในครรภ์ และช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง เนื่องจากมีโฟเลตสูงนั่นเอง
เพราะฉะนั้นคุณแม่ท้องก็กินกระเจี๊ยบเขียวได้จ้า แต่ก็ต้องกินสลับกับอาหารอื่นๆ ด้วยนะคะ เพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน
อ้างอิง
Drama-Addict
ความรู้สนุกๆแบบหมอแมว
www.komchadluek.net/news/detail/178248
มูลนิธิหมอชาวบ้าน