โรงเรียนอนุบาลบ้านวังทอง เป็นโรงเรียนที่เตรียมความพร้อมให้กับเด็กตั้งแต่อายุ 2 ปี ถึง 6 ปี ตามหลักสูตรก่อนประถมศึกษา พุทธศักราช 2540 กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ โดยมุ่งเน้นให้นักเรียนเกิดทักษะพื้นฐานในการสื่อสารภาษาไทย-ภาษาอังกฤษตามควรแก่วัย
โรงเรียนอนุบาลบ้านวังทองเป็นโรงเรียนที่จัดสภาพแวดล้อมเพื่อให้นักเรียน เกิดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย ในบรรยากาศที่อบอุ่น ร่มรื่น และพร้อมด้วยนวัตกรรมต่างๆ ที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัย นักเรียนอนุบาลบ้านวังทองจึงได้รับการพัฒนา I.Q., E.Q. และ M.Q. ในอัตราส่วนที่สมดุล ดังนั้นนักเรียนอนุบาลบ้านวังทองจึงเป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพที่ดี มีความเป็นสากล และมีความเป็นไทย ทั้งนี้จึงสอดคล้องกับคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรก่อน ประถมศึกษา พุทธศักราช 2540 ของกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ
"พัฒนาความพร้อม เพื่อการเรียนรู้ สู่สังคมยุคใหม่"
สีประจำโรงเรียนอนุบาลบ้านวังทอง
เขียว-เหลือง
หลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนอนุบาลบ้านวังทอง
โรงเรียนอนุบาลบ้านวังทอง จัดดำเนินการสอนโดยยึดหลักสูตรก่อนประถมศึกษา กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 เป็นเกณฑ์ เป็นการจัดการศึกษาและการอบรมเลี้ยงดูเด็กบนพื้นฐานที่สนองความต้องการของ เด็กแรกเกิดถึง 6 ปี ที่ต้องการความรัก ความอบอุ่น ความเข้าใจ และความจำเป็นที่จะต้องได้รับการพัฒนาทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา อย่างสมดุล ต่อเนื่อง ช่วยให้เกิด I.Q., E.Q. และ M.Q. ตามควรแก่วัย โดยมีหลักการดังนี้
1. มุ่งพัฒนาเด็กโดยองค์รวมโดยผ่านการเล่น เด็กจะได้รับการพัฒนาความพร้อมในด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาอย่างสมดุลกัน โดยผ่านกิจกรรมการเล่น (Learn and play)
2. ยึดปรัชญาการศึกษาระดับก่อนประถมศึกษา ได้กำหนดสาระสำคัญ 5 ประการ คือ
1) เน้นการจัดการศึกษาและอบรมเลี้ยงดูที่สนองความต้องการของเด็ก
2) ได้รับการพัฒนาการครบทุกด้านทั้งร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาอย่างสมดุลและต่อเนื่อง
3) จัดประสบการณ์ตรงหลากหลาย เหมาะสมกับวัยความแตกต่างระหว่างบุคคลและสิ่งแวดล้อมที่อาศัยอยู่
4) จัดให้เรียนรู้อย่างมีความสุข
5) อาศัยความร่วมมือระหว่างบ้าน สถานศึกษา และชุมชนในการจัดโรงเรียนอนุบาลบ้านวังทองได้กำหนดปรัชญาโรงเรียนสอดคล้อง กับปรัชญาการศึกษาว่า “พัฒนาความพร้อม เพื่อการเรียนรู้ สู่สังคมยุคใหม่” โรงเรียนอนุบาลบ้านวังทองได้ศึกษาและยึดหลักปรัชญาของนักการศึกษาหลายท่าน และนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อเป็นแนวทางในการจัดทำหลักสูตรของโรงเรียน
3. การจัดกิจกรรมที่ยืดหยุ่นและมีความสมดุล คือ มีทั้งกิจกรรมภายในและภายนอก กิจกรรมที่เป็นรายบุคคล กลุ่มเล็ก กลุ่มใหญ่ กิจกรรมที่ใช้ทั้งกล้ามเนื้อเล็กและกล้ามเนื้อใหญ่ กิจกรรมที่สงบและเคลื่อนไหว กิจกรรมที่เด็กเป็นผู้ริเริ่มและครูเป็นผู้ริเริ่ม ด้วยกิจกรรมเสริมพัฒนาการที่หลากหลาย
4. กิจกรรมปลูกฝังทัศนคติที่ดีงาม ให้มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ความเป็นไทย และมีความเอาใจใส่ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยกิจกรรมที่เน้นให้เด็ก ๆ ได้ลงมือปฏิบัติจริง เช่น
* ความรักชาติ คือ ให้เด็กปฏิบัติความดี เช่น การทิ้งขยะให้ถูกที่ การไม่เด็ดใบ ไม้หรือดอกไม้การไม่รังแกเพื่อน รังแกสัตว์ฯลฯ
* ความรักศาสนา คือ การสอนให้เป็นเด็กดีโดยแทรกกิจกรรมเสริมคุณธรรม เช่น ให้เด็กเลี้ยงสัตว์จะพัฒนาความเมตตาให้เกิดขึ้นในตัวเด็ก ฯลฯ
* ความรักพระมหากษัตริย์ คือ ให้เด็กมีความรู้ความเข้าใจและเรียนจากการปฏิบัติงาน เช่น เรียนรู้โครงการหลวง (ที่ใกล้ตัวเด็ก) ร่วมกิจกรรมพิธีถวายพระพรในโอกาสต่างๆ ฯลฯ
* ความรักความเป็นไทย คือ มีความภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียมประเพณีด้วยการฝึกให้ใช้ภาษาได้ดีตามวัยมีกิริยามารยาทแบบไทย ฯลฯ
* ความเอาใจใส่ต่อสังคมสิ่งแวดล้อม ด้วยการให้เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ชื่นชมในธรรมชาติที่แวดล้อม ฯลฯ