เด็กทุกคนมีความฝัน แต่ฝันของเขาจะเป็นจริงหรือไม่ มีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง หนึ่งในนั้นคือการสนับสนุนจากพ่อแม่ แต่การที่เด็กคนหนึ่งบอกได้ว่าชอบอะไรอยากทำอะไร อาจไม่ใช่เรื่องที่เขาจะพูดได้ในวัย 2-3 ขวบ แต่คุณเพี่อคุณแม่อาจสังเกตและสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ที่ลูกชอบ เพื่อให้เขาค้นหาตัวเองได้ไวและมุ่งมั่นไปในทิศทางนั้น เพื่อให้เขาถึงเป้าหมายตามที่ต้องการค่ะ
7 วิธีช่วยลูกตามหาฝัน
1. สังเกตว่าลูกชอบอะไร ยิ่งเด็กที่ได้อ่าน ได้ดู ได้เห็น มีประสบการณ์เที่ยว เล่น ฝึกทักษะต่างๆ ยิ่งมีการแสดงออกที่ชัดเจนค่ะว่าเขาจะชอบหรือไม่ชอบอะไร พ่อแม่สามารถใช้ช่วงเวลาที่ทำกิจกรรมกับลูก สังเกตหรือถามลูกไปตรงๆ เลยก็ได้ว่าลูกชอบอะไร อยากให้พ่อแม่สนับสนุน พามาเล่น มาทำกิจกรรมอีกหรือไม่
2. เปิดโอกาสให้ลูกได้ลอง เรียนรู้ และฝึกฝนทักษะ แน่นอนว่าการพาลูกออกไปทำกิจกรรมเสริมที่นอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียนมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็น ดนตรี กีฬา ศิลปะ เพื่อให้แน่ใจว่าลูกจะไม่ทิ้งไปกลางทางหากไม่ชอบ อาจหาคอร์สสั้นๆ ให้ลูกเรียน หากเรียนจบแล้วลูกชอบ ก็ลุยต่อได้เลยค่ะ
3. ให้ลูกมีส่วนรับผิดชอบความฝันของตนเอง ในทุกความฝันมีอุปสรรคเสมอค่ะ เพื่อป้องกันการล้มเลิกกลางคัน พ่อแม่ควรตกลงกับลูกก่อนว่าถ้าหากเขาล้มเลิกกลางคันเขาจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เสียไป เช่น หักค่าขนม 20% หรือช่วยทำงานบ้านเพิ่ม ฯลฯ
4. ให้ลูกมีส่วนตัดสินใจทำในสิ่งที่ชอบ วิธีนี้จะทำให้ลูกรู้สึกดีที่พ่อแม่รับฟังและเปิดโอกาสให้เขาได้ร่วมตัดสินใจ จะทำให้เขากล้าริเริ่มทำในสิ่งที่ชอบและสนุกกับสิ่งที่เขาได้เลือกทำ
5. ส่งเสริมและชื่นชม เช่น รู้ว่าลูกอยากเล่นเปียโน ก็ส่งเสริมให้เขาได้เรียนและเมื่อเขาทำได้ดีก็ชื่นชมให้กำลังใจ ซึ่งจะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เขาสนุกที่จะทำต่อ
6. ไว้วางใจในในตัวลูก เมื่อให้โอกาสลูกได้ตามหาความฝันแล้ว ความไว้วางใจ เชื่อใจ เชื่อมั่น คือสิ่งที่จะเปิดโอกาสให้ลูกได้ออกไปเผชิญโลกด้วยตัวเอง รู้จักพยายามและกล้าคิดกล้าตัดสินใจ โดยมีพ่อแม่เป็นผู้ให้กำลังใจอยู่เบื้องหลัง
ยกตัวอย่าง ลิซ่า แบล็กพิงค์ นักร้อง K-POP สัญชาติไทยที่โด่งดังไปทั่วโลก ลิซ่าไปเป็นศิลปินฝึกหัดที่ประเทศเกาหลีใต้ตอนอายุ 14 ปี ทั้งที่เป็นเด็กผู้หญิงไม่มีพื้นฐานภาษาเกาหลีเลย แต่เพราะความฝันอยากเป็นศิลปิน รวมทั้งความพยายามในการฝึกฝนอย่างหนัก ซึ่งกว่าจะได้เป็นศิลปินเกิร์ลกรุปที่มีชื่อเสียง เป็นพี่ลิซ่าขวัญใจเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่ของลิซ่าต้องให้ความเชื่อใจ ไว้วางใจ และมั่นใจแก่ตัวลูกสาวเช่นกันค่ะ
7. อย่าคาดหวังและกดดัน เด็กบางคนอาจมีความชอบและทำได้ดีในบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นดนตรี กีฬา ศิลปะฯ แต่ความชอบในวัยนี้ยังไม่ใช่ตัวกำหนดอนาคตว่าลูกจะทำอาชีพในด้านนั้นๆ ดังนั้นอย่าคาดหวังและกดดันลูก เพราะบางทีกว่าที่ลูกจะรู้ว่าตัวเองอยากทำอาชีพอะไร ก็อาจเป็นช่วงที่เข้าสู่วัยรุ่นตอนปลายถึงผู้ใหญ่ตอนต้นแล้ว
เด็กที่มีทักษะและมีจุดเด่นในหลายด้าน จะมีความมั่นใจ ภูมิใจในตัวเอง โดยในหลายๆ รายจะพบว่าทักษะเหล่านี้อาจพัฒนาไปเป็นอาชีพที่เขาชอบ ซึ่งจะทำให้เด็กเอาตัวรอดในอนาคตได้
มีเด็กหลายคนที่พลาดโอกาสเดินทางตามความฝัน หากทุนทรัพย์ไม่ใช่ปัจจัยหลัก ความรัก ความหวงแหน ความห่วงใยลูกที่มีมากเกินไปก็เป็นอุปสรรคที่ทำให้ลูกไม่ได้ก้าวออกไปตามหาความฝันและเส้นทางชีวิตของตนเอง เพราะฉะนั้นพ่อแม่ควรคิดอยู่เสมอค่ะว่าเราไม่ได้อยู่กับลูกตลอดไป ความฝัน ความสำเร็จ และความล้มเหลวเป็นของลูก ถ้าลูกทำสำเร็จก็เป็นสิ่งที่ดีต่อตัวลูก แต่หากวันหนึ่งที่ลูกล้มเหลว พ่อแม่มีหน้าที่เพียงประคับประคองเขาเท่านั้นค่ะ