เข้าหน้าฝนทีไร ต้องเฝ้าระวังกันหลายอย่างเลยเชียว ไม่ว่าจะเป็นงู เงี้ยว เขี้ยวขอ สัตว์มีพิษต่างๆ ที่จะแอบเข้าบ้าน หรือการป่วยไข้จากไข้หวัดต่างๆ รวมไปถึงอุบัติเหตุที่เกิดจากฝนตกน้ำท่วมด้วย ยังมีไข้เลือดออกอีกที่เราต้องระวัง
ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยสถานการณ์โรคไข้เลือดออกว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปีนี้ โดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในวัยเรียน สาเหตุที่ทำให้มีผู้ป่วยไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงฤดูฝน ทำให้เกิดน้ำขังตามภาชนะต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของลูกน้ำยุงลาย จึงขอความร่วมมือทุกคนช่วยกันทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบ้านและโรงเรียน เพื่อป้องกันบุตรหลานจากโรคไข้เลือดออก
โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กที่ยังไม่สามารถบอกอาการของตนเองได้ชัดเจน หากมีไข้สูงลอยเกิน 2 วัน แนะนำให้ไปโรงพยาบาล ซึ่งอาการไข้เลือดออกมีระดับความรุนแรงต่างกันออกไป ตั้งแต่อาการน้อยไปถึงรุนแรงมากแต่ส่วนใหญ่มักมีอาการไม่รุนแรง ซึ่งแพทย์จะตรวจประเมินอาการผู้ป่วย หากพบว่าอาการไม่รุนแรงอยู่ในระยะไข้ ยังรับประทานอาหาร ดื่มน้ำได้ แพทย์จะแนะนำการดูแลที่บ้านให้ญาติทราบ
โดยเฉพาะช่วงไข้ลด มีอาการซึมลง รับประทานอาหารและดื่มน้ำไม่ได้ อ่อนเพลีย ปวดท้องมาก คลื่นไส้อาเจียน กระวนกระวาย หากลูกหรือคนใกล้ตัวมีอาการดังกล่าว อาจเข้าสู่ระยะช็อคควรรีบพาไปหมอทันทีค่ะ
หลังจากได้รับเชื้อประมาณ 5 - 8 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงลอย อุณหภูมิ 38.5 – 40.0 องศาเซลเซียส ติดต่อกัน 2 - 7 วัน อาการทั่วไปคล้ายเป็นหวัด แต่ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก หน้าแดง ปวดศีรษะ บางรายอาจมีปวดท้อง อาเจียนมีจุดแดงเล็กตามแขน ขา ลําตัว หากมีอาการไข้สูง 2 วันไข้ไม่ลดขอให้รีบไปพบแพทย์
โดยทั่วไป ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นอย่างชัดเจนภายใน 2-3 วันหลังจากไข้ลด หากผู้ป่วยมีเลือดกําเดาไหล อาเจียนเป็นเลือดและอุจจาระเป็นสีดํา หมดสติ ให้รีบนําส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงทีเพื่อลดการเสียชีวิต สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข