โรคไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า เดงกี (Dengue) ซึ่งเชื้อไวรัสเดงกีนี้มีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ คือ เดงกี 1 เดงกี 2 เดงกี 3 และเดงกี 4 โดยมีพาหะนำโรคคือยุงลาย ในบ้านเราจะพบผู้ป่วยไข้เลือดออกได้ตลอดทั้งปีแต่พบมากในช่วงฤดูฝน เนื่องจากมีฝนตกบ่อยที่ทำให้เกิดน้ำขัง ซึ่งเอื้อต่อการขยายพันธุ์ของยุงลาย และไข้เลือดออกถือเป็นโรคระบาดประจำภูมิภาคของบ้านเรา
แม้ว่าเด็กจะได้รับเชื้อไวรัสเดงกี แต่กว่า 85-90% จะไม่แสดงอาการไข้เลือดออก หากไม่ได้ตรวจเลือดเพื่อพิสูจน์ก็จะไม่รู้ว่าได้รับเชื้อไข้เลือดออกมาแล้ว อาจจะมี 10-15% ที่แสดงอาการไข้เลือดออกที่มีตั้งแต่รุนแรงน้อยไปถึงอาการไข้เลือดออกที่รุนแรงมาก ซึ่งระดับอาการไข้เลือดออกมี 3 ระยะด้วยกัน
อาการไข้เลือดออกระยะนี้ จะพบว่ามีอาการไข้สูงลอย คือ มีอาการไข้สูง ที่แม้กินยาลดไข้ หรือเช็ดตัวแล้วไข้ก็ยังไม่ลด จะเป็นประมาณ 2-7 วัน ซึ่งไม่เท่ากันในแต่ละราย และเนื้อตัวและใบหน้ามักจะแดงกว่าปกติ บางคนอาจมีอาการเยื่อบุตาอักเสบ หรือมีผื่นขึ้น มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อาจพบว่ามีจุดเลือดออกตามผิวหนัง เช่น มีจุด หรือมีเลือดกำเดาออก
หลังจากที่มีอาการไข้เลือดออกระยะไข้สูงระยะหนึ่งแล้ว ไข้จะลดลงอย่างรวดเร็ว และจะมีการรั่วของพลาสมา (Plasma) หรือน้ำเหลืองออกนอกเส้นเลือด ระยะนี้ใช้เวลาประมาณ 24-48 ชั่วโมง ขึ้นกับผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งจะมีความรุนแรงของโรคไม่เท่ากัน ในกรณีที่รุนแรงจะมีการรั่วของพลาสมาออกนอกเส้นเลือดเป็นจำนวนมาก และถ้าให้สารน้ำโดยการกินหรือน้ำเกลือทางเส้นเลือดทดแทนไม่ทัน ผู้ป่วยจะเกิดการช็อกคือความดันโลหิตต่ำ แต่ในกรณีที่อาการไม่รุนแรง ผู้ป่วยจะสามารถผ่านอาการไข้เลือดออกระยะวิกฤตนี้ไปได้โดยปลอดภัย
อาการไข้เลือดออกระยะนี้ เป็นระยะที่มีการดูดกลับของพลาสมาเข้าสู่กระแสเลือด และมีอาการโดยทั่วไปดีขึ้น โดยจะเจริญอาหารมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ที่มักจะไม่อยากกินอาหาร ชีพจรเต้นช้าลงจากช่วงระยะวิกฤตที่มักจะเต้นเร็วกว่าปกติ ในบางรายจะพบผื่นขึ้นตามร่างกาย ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เรียกว่าผื่นในระยะพักฟื้น และปัสสาวะจะออกมากขึ้น เมื่อเทียบกับอาการไข้เลือดออกระยะวิกฤติ ซึ่งถือว่ากำลังกลับสู่ภาวะปกติ คุณหมอจะหยุดการให้สารน้ำทางเส้นเลือด เพื่อป้องกันการแทรกซ้อนจากภาวะน้ำเกินได้
สำหรับโรคไข้เลือดออกนั้น ปัจจุบันไม่มียารักษาโรคไข้เลือดออกโดยเฉพาะ แต่จะเป็นการรักษาตามอาการ
เมื่อต้องอยู่อยู่คาดว่าจะไปในสถานที่ที่มียุง ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่มีแขนขายาวและมีความหนาพอสมควรเพื่อป้องกันยุง หรือทายากันยุงป้องกัน
ด้วยวิธีง่ายๆ เหล่านี้ เราก็สามารถป้องกันโรคไข้เลือดออกได้แล้ว และหากสงสัยว่าลูกมีอาการไข้เลือดออก ควรไปพบแพทย์ทันทีค่ะ
ข้อมูลวิชาการ : ผศ.นพ.โอฬาร พรหมาลิขิต หัวหน้าหน่วยโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ