เป็นเด็กก็เครียดได้! วิธีสังเกตความเครียดในเด็กที่พ่อแม่ควรรู้
เด็กก็เครียดเป็น และส่งผลเสียต่อพัฒนาการ รวมทั้งสุขภาพจิตไปจนโต พ่อแม่จึงต้องเช็กความเครียดของลูก เพื่อรับมือ ป้องกัน และแก้ไขให้ลูกกลับมามีสุขภาพจิตที่ดีค่ะ พญ.เบญจพร อนุสนธิ์พรเพิ่ม จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลวิชัยยุทธ มีคำแนะนำค่ะ
ความเครียดในเด็ก แบ่งเป็น 2 ระดับ
- ระดับที่ 1 ภาวะเครียดฉับพลัน (Acute Stress) จะเกิดในช่วงเวลาสั้นๆ
- ระดับที่ 2 ภาวะเครียดเรื้อรัง (Chronic Stress) จะทำให้เด็กต้องทุกข์ทรมานเป็นเวลานานๆ และอาจส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงเคมีในสมอง (Brain Chemistry) และทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง
อาการของเด็กที่มีความเครียด
การสังเกตเด็กที่เครียดอาจจะยาก แต่สามารถพบได้จากการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ พฤติกรรมและทางร่างกาย เช่น
- ร้องไห้และกรีดร้องบ่อยครั้ง
- พฤติกรรมก้าวร้าว ดื้อดึง เกเร
- พัฒนาการในการเรียนรู้เกิดความบกพร่องและ/หรือลดลง
- ทักษะการพูดอ่อน พูดติดอ่าง
- ขาดความมั่นใจในตนเอง มีความวิตกกังวล หรือมีความกลัว
- แยกตัวจากเพื่อน เล่นน้อยลง
- ขี้หงุดหงิด ขี้แย
- กลัวการแยกจากคนหรือสิ่งของ
- ไม่มีสมาธิ มีปัญหาด้านความจำ บ่นปวดศรีษะ
- น้ำหนักน้อยหรือตกเกณฑ์ และไม่อยากอาหาร
- ปวดท้อง หรือมีปัญหาในการย่อยอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
- นอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิท
- ฝันร้าย
นอกจากนี้ ยังรวมถึงพฤติกรรมถดถอย เช่น ความสามารถในการช่วยเหลือตัวเอง (เช่น การอาบน้ำ แต่งตัว) ที่เด็กเคยทำได้เองแล้วแต่กลับเรียกร้อง / ร้องขอให้พ่อแม่ช่วย หรือปฏิเสธที่จะทำด้วยตัวเอง หรือการกลับมามีปัสสาวะรดที่นอน เป็นต้น
วิธีการลดความเครียดของเด็ก
- การทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว เช่น ทานข้าวร่วมกัน ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ เป็นต้น ให้เด็กได้ช่วยงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ที่ดี มีความสุข ทำให้เด็กลืมเรื่องเครียด อีกทั้งยังทำให้เกิดความอบอุ่นในครอบครัวด้วย
- การพูดอย่างสร้างสรรค์ และแสดงอารมณ์อย่างเหมาะสม พ่อแม่ควรให้ความสำคัญกับการพูดจากับเด็กให้มาก คือการพูดในทางบวก การชมเชยลูก การให้กำลังใจ โดยในการสอนลูกควรใช้คำพูดที่สุภาพ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดี และช่วยให้ความสัมพันธ์ของคุณและเด็กมีคุณภาพขึ้น
- การให้เด็กได้พบกับประสบการณ์การเรียนรู้ใหม่ ๆ นอกจากการเรียน เสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้เด็ก ควรให้เด็กรู้จักความผิดพลาดบ้าง เพื่อทำให้เด็กเกิดความเรียนรู้ รู้จักปรับตัวและรู้จักแก้ไขปัญหา
- การยอมรับในความสามารถของเด็ก และไม่ควรบังคับเด็กให้ทำในสิ่งที่ยังไม่พร้อม ไม่เร่งเด็กในด้านวิชาการมากจนเกินไป และควรให้เวลากับเด็กในการเรียนรู้ปรับตัวด้านสังคมด้วย พ่อแม่ส่วนใหญ่มักมองข้ามและเร่งเด็กให้เรียนกวดวิชาเพิ่ม ทำให้ไม่มีโอกาสได้ใช้เวลาทำกิจกรรมอื่นหรือเล่นกับเพื่อน “ทำให้เด็กขาดทักษะการเข้าสังคม” เข้ากับเพื่อนไม่ได้ และไม่รู้ว่าการเข้ากับเพื่อนต้องทำอย่างไรบ้างเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น
- รับฟังความคิดเห็นเด็ก เมื่อเด็กทำผิดสิ่งที่ควรทำคือรับฟังความคิดเห็น และถามถึงเหตุผลที่เด็กกระทำสิ่งนั้นว่าคืออะไร? ทำไมจึงทำ? เมื่อทราบสาเหตุจะทำให้เข้าใจถึงการกระทำของเด็ก ส่งผลให้เราสามารถพูดคุยและสอนเด็กได้อย่างถูกต้อง และส่งเสริมให้เด็กได้แก้ไขในสิ่งที่เกิดขึ้น
“ความเครียดในเด็ก” ถือเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ต้องเข้าใจและดูแล อย่าปล่อยปละละเลย หากพบว่าเด็กมีอาการซึมเศร้า ผิดปกติ พ่อแม่ได้พยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมภายในครอบครัวแล้วแต่ยังไม่เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นก็ควรปรึกษาจิตแพทย์เด็กหรือนักจิตวิทยาโดยเร็ว
รักลูก Community of The Experts
พญ.เบญจพร อนุสนธิ์พรเพิ่ม
จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลวิชัยยุทธ