ภูมิแพ้เรื่องไม่เล็ก ยิ่งลูกเล็กคือเรื่องใหญ่ คุณแม่รู้ไหมคะ ปัจจุบันนี้มีเด็กไทยกว่า 1 ใน 3 คนป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ (จากผลสำรวจในปี 2012) ยิ่งเป็นเด็กเล็กยิ่งบอบบางกว่า เพราะระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาไม่เต็มที่ จึงส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาต่อสิ่งรอบตัวและเกิดอาการแพ้ได้ง่าย แม้สาเหตุหลักๆ ของการเกิดภูมิแพ้มักมาจากพันธุกรรมที่ส่งต่อมาจากคุณพ่อคุณแม่ แต่สิ่งแวดล้อมที่ใหม่สำหรับลูกและอาหารที่กินก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถกระตุ้นภูมิแพ้ได้เช่นกัน
ยิ่งในปัจจุบัน ปัจจัยสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่ส่งผลต่อการเกิดการแพ้ค่อนข้างมาก เพราะมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ฝุ่นควันขนาดเล็กที่สร้างมลภาวะทางอากาศ หรือจากอาหารที่มีความหลากหลาย ซึ่งเมื่อร่างกายของเด็กได้รับสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้เข้าไป จะกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารนั้นๆ ทำให้เกิดอาการและโรคต่างๆ ได้แก่ โรคแพ้อากาศ โรคหอบหืด ผื่นแพ้ผิวหนัง อาการแพ้อาหาร เช่น ท้องเสีย คลื่นไส้ ปวดท้อง ถ่ายเหลว อาเจียน เป็นต้น ดังนั้นการป้องกันไม่ให้เกิดโรคภูมิแพ้ จึงมีความสำคัญในการช่วยลดโอกาสเกิดโรคได้เป็นอย่างยิ่ง
ฝุ่นตัวการก่อภูมิแพ้ โดยเฉพาะเด็กเล็กหากได้รับและสัมผัสฝุ่นบ่อย ๆ อาจจะทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ หรือหอบหืดได้ค่ะ โดยเฉพาะเด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้ เมื่อสัมผัสและสูดเอาฝุ่นเข้าไปจะเกิดอาการระคายเคืองตา จมูก คอ หลอดลม และผิวหนังมีผื่นคัน ทำให้มีน้ำมูกไหล จามติด ๆ กัน หากมีการแพ้รุนแรงอาจมีอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก ไอ เหนื่อยง่าย
สัตว์เลี้ยง ภูมิแพ้ในบ้าน แม้ว่าน้องหมาน้องแมวน้องกระต่ายจะถูกเลี้ยงดูอย่างสะอาดสะอ้านแล้วก็ตาม แต่บริเวณขนสัตว์ ผิวหนัง และน้ำลาย ก็มีสารก่อภูมิแพ้อยู่ นอกจากนี้ยังมีฝุ่น และไรฝุ่นที่เรามองเห็นเกาะอยู่บนตัวสัตว์เลี้ยงด้วยค่ะ
ควันบุหรี่ นอกจากยืนหนึ่งเรื่องเป็นสารก่อภูมิแพ้อันดับต้นๆ แล้ว ยังเป็นสารระคายเคืองที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคจมูกอักเสบ ภูมิแพ้และโรคหืด มีการศึกษาวิจัยพบว่า แม่ที่สูบบุหรี่หรือได้รับควันบุหรี่ระหว่างตั้งครรภ์ จะมีผลให้ลูกที่เกิดมามีความเสี่ยงที่จะแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดต่างๆ และมีโอกาสเป็นโรคหืดได้ง่ายกว่าปกติ
นมวัว โปรตีนในนมวัว มีโครงสร้างโปรตีนย่อยยากกว่านมแม่ เพราะมีโมเลกุลขนาดใหญ่ ไม่เหมือนนมแม่ที่มีโปรตีนที่ผ่านการย่อยบางส่วน ก็ทำให้เด็กทารกหลายคนไม่สามารถย่อยโปรตีนในนมเหล่านี้ได้ก็มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้เช่นกัน
เมื่อเด็กป่วยจากโรคภูมิแพ้ สิ่งที่ต้องเผชิญนอกจากความเจ็บป่วยแล้ว ลูกยังได้รับผลกระทบอื่นๆ ตามมาอีก ได้แก่
ความเครียด เมื่อร่างกายเจ็บป่วย จิตใจก็ย่อมป่วยตามไปด้วย รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับโรค ก็ทำให้เด็กประสบภาวะความเครียดได้เช่นกัน
กระทบพัฒนาการและการเรียนรู้ เมื่อเจ็บป่วยบ่อยหรือมีอาการแพ้รุนแรงจนต้องหยุดเรียน ไปหาหมอ หรือนอนพักรักษาตัว ทำให้เด็ก ๆ ต้องขาดเรียน เรียนไม่ทันเพื่อน อาจส่งผลกระทบต่อการนอนหลับพักผ่อน ทำให้ลูกพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาทางสมองได้เช่นกัน
กระทบการนอนหลับพักผ่อน บ่อยครั้งที่ผื่นแพ้ผิวหนังรบกวนการนอนหลับของลูก ทำให้เด็ก ๆ ได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ
มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เสี่ยงติดเชื้อ ในกรณีที่ลูกมีผื่นแพ้ผิวหนังและผื่นแพ้สัมผัสที่ทำให้มีอาการคันมาก อาจทำให้ลูกเกาจนเกิดแผลถลอก ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
มีปัญหาเรื่องการกิน เด็กที่แพ้อาหารบางรายอาจมีการเบื่ออาหาร กินอาหารน้อยลง หรือปฏิเสธอาหาร
1. จัดการสิ่งแวดล้อม ลดตัวกระตุ้นภูมิแพ้
2. ให้ลูกกินนมแม่
3. ดูแลเรื่องอาหารเสริม
4. นมผงสูตรโปรตีนที่ผ่านการย่อยบางส่วน
สิ่งสำคัญที่สุด คือการป้องกันไว้ก่อนที่ลูกจะแพ้ เพราะลูกจะได้มีร่างกายที่แข็งแรง พร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนาไปได้อย่างเต็มศักยภาพนั่นเองค่ะ คุณแม่สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยตัวเองได้เลยที่ https://www.nestlemomandme.in.th/sensitive-expert
ขอบคุณข้อมูลจาก : ศ.พญ.อรพรรณ โพชนุกูล ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านโรคภูมิแพ้ โรคหืด และโรคระบบหายใจ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
พื้นที่โฆษณาและประชาสัมพันธ์