บุคลิกต่าง...ตามลำดับเกิด
ตอบแบบฟันธงก็คือ กุมารแพทย์บอกว่าลำดับการเกิดไม่ว่าจะเป็นลูกคนโต คนกลาง คนเล็ก หรือลูกคนเดียวล้วนมีผลกับอุปนิสัยและบุคลิกภาพของลูก คือ
พี่ใหญ่ ลูกคนแรกที่คุณพ่อคุณแม่ รวมทั้งญาติๆ ต่างรุมให้ความสนใจหรือเรียกง่ายๆ ว่าเห่อ มักเกิดมาพร้อมกับความคาดหวังของพ่อแม่ ทำให้ต้องเผชิญกับความรับผิดชอบสูง เป็นความหวังของครอบครัว ต้องเป็นตัวอย่างให้น้องๆ ลูกคนโตจึงเป็นผู้ใหญ่เร็ว จริงจังกับชีวิต และเนื่องจากลูกคนโตต้องแบกภาระความรับผิดชอบสูง อาจทำให้มีผลต่อด้านอารมณ์และสังคม คือ มีความเครียดง่าย ตกใจง่าย มีความวิตกกังวลสูงกว่าคนอื่นๆ ค่ะ
Tip : คุณพ่อคุณแม่ ไม่ควรคาดหวังกับลูกคนโตมากเกินไป แบ่งเบาภาระที่เคยมอบให้พี่คนโตทำอยู่คนเดียว ให้กับลูกคนอื่นๆ ได้ช่วยเหลือและรับผิดชอบบ้าง
พี่กลาง หรือที่ใครๆ ชอบเรียกว่า Wednesday child และบอกว่าอาจเป็นเด็กมีปัญหา เพราะคุณพ่อคุณแม่มักไม่ค่อยตื่นเต้นมากเท่าคนแรก เนื่องจากมีประสบการณ์จากลูกคนโตมาแล้ว และไม่ได้รับการเอาอกเอาใจเท่าลูกคนเล็ก
ลูกคนกลางมักเป็นเด็กที่มองโลกในแง่ดี เพราะไม่ต้องแบกความหวังหรือภาระจากคุณพ่อคุณแม่เหมือนลูกคนโต แม้จะต้องคอยดูแลน้องคนเล็กด้วย แต่ลูกคนกลางก็สามารถดูแลและให้ความรักกับน้องคนเล็ก และรับจากพี่คนโตได้ดี มีความยืดหยุ่น เมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่ในสังคมก็จะรู้สึกว่าไม่ต้องแข่งขันกับใคร
Tip : เพื่อป้องกัน ลูกคนกลางเกิดปัญหาไม่ได้รับความรัก ความเอาใจใส่ เหมือนพี่หรือน้อง คุณพ่อคุณแม่คงต้องเพิ่มความใส่ใจกับลูกคนนี้มากขึ้นอีกสักนิด รวมทั้งหากิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ ให้ลูกทุกคนและคุณพ่อคุณแม่เองได้ทำร่วมกัน
น้องเล็ก พูดถึงน้องคนสุดท้องปุ๊บ ภาพเด็กเอาแต่ใจตัวเองก็แว้บขึ้นมาทันทีใช่มั้ยคะ เพราะลูกคนเล็กมักได้รับการเอาอกเอาใจ หรืออาจถึงขึ้นตามใจจากคนในครอบครัว ด้วยคิดว่าลูกคนสุดท้องเป็นเด็กอยู่เสมอ บวกกับความที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาพี่น้อง ทำให้ลูกคนเล็กดูจะมีแต่ความร่าเริงสนุกสนาน และไม่ต้องรับผิดชอบมากเหมือนพี่ๆ
นอกจากนั้น ลูกคนเล็กจะมีบุคลิกหลายอย่าง เพราะมีตัวอย่างให้เลียนแบบพฤติกรรมหลายคน เช่น อาจเหมือนคุณพ่อ คุณแม่ หรืออาจเหมือนพี่คนใดคนหนึ่งที่สนิทค่ะ
Tip : ลูกคนเล็กจะไม่กลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ หากคุณพ่อคุณแม่ฝึกให้เขาเป็นฝ่ายให้บ้าง ไม่ใช่เป็นฝ่ายรับการเสียสละจากพี่เพียงอย่างเดียว และควรให้ลูกได้ช่วยแบ่งเบาภาระจากพี่ๆ ด้วยค่ะ
ลูกคนเดียว หรือลูกโทน มักได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่เป็นอย่างดี ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียวก็อาจได้รับการตามใจไม่แพ้ลูกคนเล็ก ขณะที่พ่อแม่เองก็มักจะตั้งความหวัง และความภาคภูมิใจไว้กับลูกมากเช่นกัน ลูกโทนจึงอาจจะมีนิสัยชอบกดดันตัวเอง เพราะต้องการทำสิ่งต่างๆ ให้พ่อแม่ภูมิใจ และต้องตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในชีวิตเพียงลำพัง
เด็กที่เป็นลูกโทนบางคนอาจเข้าสังคมได้ยาก เพราะไม่เคยใช้ชีวิตร่วมกับพี่น้อง แม้ลูกโทนส่วนใหญ่จะรู้จักทั้งให้และรับ แต่ก็จะเป็นการให้และรับที่ขึ้นอยู่กับความต้องการและการตัดสินใจของเขาเป็น หลักค่ะ
Tip : ลดความคาดหวังเพื่อลดความกดดันของลูก ลดการตามใจเพื่อป้องกันปัญหาเอาแต่ใจตัวเอง เพิ่มการพาไปเข้าสังคมเพื่อให้ลูกได้ปรับตัวและเข้ากับผู้อื่นได้ง่ายขึ้น
ปัจจัยหล่อหลอมบุคลิกภาพ
แม้ลำดับการเกิดจะมีผลกับอุปนิสัยและบุคลิกภาพของลูก แต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นค่ะ เพราะยังมีอีกหลายปัจจัยที่มีส่วนหล่อหลอมบุคลิกและอุปนิสัยของลูก เช่น
พื้นอารมณ์ มีความสำคัญมาก เพราะเด็กแต่ละคนมีพื้นอารมณ์ที่แตกต่างกัน เช่น บางคนเลี้ยงยาก บางคนเข้ากับคนอื่นยาก เป็นต้น
การเลี้ยงดู มีส่วนอย่างยิ่งค่ะ ไม่ว่าจะเป็นลูกคนโต คนกลาง คนเล็ก หรือลูกคนเดียว หากได้รับการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมก็ทำให้เกิดนิสัยที่ไม่พึงประสงค์ได้เช่น กันค่ะ เช่น เลี้ยงลูกแบบประคบประหงม ทำให้กลายเป็นเด็กไม่รู้จักโต เป็นต้น
ความสัมพันธ์และสิ่งแวดล้อม เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ เพราะหากความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัวไม่ราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการไม่ค่อยแสดงความรักกับลูก ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ชอบใช้ความรุนแรง ด่าทอกันเกือบตลอดเวลา ฯลฯ ลูกก็จะซึมซับนิสัยและอารมณ์ ตามการแสดงออกและความสัมพันธ์ของพ่อแม่ค่ะ
3 เรื่องที่พ่อแม่ควรให้ลูก
ไม่ว่าจะเป็นลูกคนที่เท่าไร 3 เรื่องนี้จะช่วยให้คุณส่งเสริมพัฒนาการทุกด้านของลูกได้อย่างสมวัยยิ่งขึ้นค่ะ
ความเท่าเทียม สำหรับบ้านที่มีลูกหลายคน ลูกควรได้รับความเท่าเทียมกันในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความรักความเอาใจใส่ เวลาในการพูดคุยและทำกิจกรรมร่วมกัน
การยอมรับ เด็กแต่ละคนเกิดมาพร้อมความแตกต่างทั้งเรื่องพื้นอารมณ์ สติปัญญา ความสามารถ คุณพ่อคุณแม่ควรยอมรับความเป็นตัวตนของลูกคนนั้น ต้องเชื่อมั่นและคาดหวังลูกตามที่ลูกเป็น
ไม่เปรียบเทียบ การเปรียบเทียบลูกกับพี่น้องของตัวเอง หรือเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่นๆ จะบั่นทอนความรู้สึกของลูกค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความมั่นอกมั่นใจในตัวเอง อาจทำให้ลูกเกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
ยิ่งเข้าใจในธรรมชาติของลูกมากเท่าไร ก็จะทำให้พ่อแม่อย่างเราสามารถส่งเสริมเขาได้มากเท่านั้น และพฤติกรรมของลูกไม่ว่าจะคนที่เท่าไหร่ก็ตาม ล้วนเป็นกระจกสะท้อนการเลี้ยงดูของพ่อแม่ค่ะ