จับตาโรคสำคัญของผู้ใหญ่ที่ต้องระวังให้ลูกเล็ก
เรียบเรียงจากการสัมภาษณ์ พญ. รังรักษ์ เจริญไพบูลย์ กุมารแพทย์
โรคผู้ใหญ่ที่เด็กต้องระวัง
ถ้าพูดถึงโรคภัยไข้เจ็บ มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนทีเดียวค่ะ และก็ไม่ได้เกิดเฉพาะในผู้ใหญ่ แต่ยังเกิดในเด็กเล็กๆ ด้วย โดยเฉพาะ 3 โรคที่ผู้ใหญ่มักเป็นกันคือไข้หวัดใหญ่ วัณโรค และมะเร็งเม็ดเลือดขาวค่ะ
โรคที่เด็กเป็นได้เหมือนกับผู้ใหญ่นั้นแบ่งออกเป็น 2 อย่างค่ะ
1. โรคติดเชื้อ
2. โรคไม่ติดเชื้อ
โรคติดเชื้อ
โรคติดเชื้อที่มักเกิดในผู้ใหญ่และเด็กก็สามารถที่จะเป็นได้คือไข้หวัด ใหญ่ วัณโรค โรคระบบทางเดินหายใจ ปอดอักเสบ อีสุกอีใส ไข้หวัดนก ไข้เลือดออก โรคผิวหนังอย่างโรคหิด กลากเกลื้อน ฯลฯ แต่โรคที่มีความรุนแรงและอยากให้คุณพ่อคุณแม่ใส่ใจเป็นพิเศษคือ ”ไข้หวัดใหญ่ และวัณโรค”
ไข้หวัดใหญ่
เกิดจากเชื้อไวรัสค่ะ พบได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกเชื้อชาติ อาการของโรคจะมีตั้งแต่น้อยๆ ไปจนถึงไม่มีอาการหรือรุนแรงไปจนเสียชีวิตได้ค่ะ เป็นโรคที่มีอัตราการระบาดทุกปี ติดต่อจากคนสู่คนได้ง่าย มี 3 สายพันธุ์ใหญ่คือ A B C โดยไข้หวัดใหญ่ที่เกิดตามฤดูกาลจะเกิดจาก A และ B ชนิด C ไม่ค่อยมีอาการ และชนิด A จะมีความรุนแรงมากที่สุดค่ะ นอกจากนั้นทั้งสายพันธุ์ A และ B ยังแบ่งสายพันธ์แยกย่อยกว่าอีก 20 ชนิด ซึ่งสามารถจะกลายพันธุ์ได้ตลอดเวลา
ส่วนอาการพบได้หลายแบบ คือมีไข้สูงเฉียบพลัน ไข้จะอยู่นาน 3-8 วัน ช่วงแรกๆ อาจจะมีอาการไอแห้งๆ ต่อมาไอหนักขึ้นในวันที่ 3-4 ของโรค และไอนานเกินกว่า 1 สัปดาห์ มีอาการปวดหัว เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้ออ่อนเพลีย คันคอ หรือบางคนมีน้ำมูกไหล ส่วนในเด็กยังสามารถพบอาการทางเดินระบบอาหาร เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย อาจจะพบอาการทางทางเดินอาหารในเด็กได้มากกว่าผู้ใหญ่
การรักษาเบื้องต้น จะรักษาตามอาการและแบบประคับประคองค่ะ โดยให้นอนพัก กินยาลดไข้ แต่ไม่ใช่แอสไพริน กินอาหารอ่อนๆ ดื่มน้ำมากๆ ยาปฏิชีวนะให้ได้ในกรณีที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ที่สำคัญรีบพามาพบแพทย์โดยเร็วค่ะ
การะบาดของโรคไข้หวัดใหญ่นั้นเกิดขึ้นทุกปีโดยเฉพาะฤดูฝนกับฤดูหนาวค่ะ และในเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 5 ขวบอาการจะรุนแรง
การป้องกัน ทำได้ด้วยการดูแลสุขภาพ และฉีดวัคซีนป้องกัน โดยสามารถเริ่มฉีดได้เมื่ออายุ 6 เดือนจนถึง 5 ขวบ แต่ต้องฉีดกระตุ้นทุกปี เนื่องจากเชื้อไวรัสตัวนี้เปลี่ยนแปลงได้หลายชนิดแต่ละปี แล้วมีการกลายพันธุ์ได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ในกลุ่มของผู้สูงอายุ และคนที่มีโรคประจำตัวหรือมีภูมิคุ้มกันน้อยก็ควรฉีดวัคซีนด้วยค่ะ
วัณโรค
เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อกันจากระบบทางเดินหายใจ โดยการไอจาม หรือละอองฝอยต่างๆ ต้องระวังการติดในกรณีที่ในบ้านนั้นมีผู้ใหญ่เป็น และมีเด็กอาศัยรวมอยู่ในบ้านด้วยค่ะ ยิ่งถ้าเป็นเด็กอายุน้อย โอกาสทีจะติดต่อกันก็มีเยอะ ถ้าอายุน้อยกว่า 1 ปี เด็กมีโอกาสเป็นได้ถึง 40-50% เลยค่ะ แต่ถ้าลูกมีอายุมากกว่า 1 ปี มีโอกาสเสี่ยงเป็น 10-15%
อาการของโรค มีได้มากมาย โดยอาจจะมีไข้ต่ำๆ ตอนเย็นๆ น้ำหนักลดไม่ทราบสาเหตุ อ่อนเพลียครั่นเนื้อครั่นตัว ไอมีเสมหะสีเหลืองเขียวหรือไอเสมหะปนเลือด ทั้งนี้อาการจะเป็นเพิ่มขึ้นทีละน้อยๆ และเป็นอยู่นาน
วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ ถ้าเมื่อไรที่มีคนในบ้านเป็น แล้วมีเด็กอยู่ในบ้านแนะนำว่าต้องปรึกษาแพทย์ทันที เพราะถ้าเด็กอายุน้อยๆ ได้รับเชื้อนอกจากจะมีการติดเชื้อที่ปอด เยื่อหุ้มสมอง กลายเป็นวัณโรคชนิดรุนแรง ลุกลามไปที่อื่นได้ เช่น พวกไขสันหลัง เพราะฉะนั้นนอกจากการฉีดวัคซีนแล้ว การคอยสังเกตอาการคนในบ้านก็จะเป็นอีกทางหนึ่งที่จะลดการแพร่เชื้อวัณโรคค่ะ
โรคไม่ติดเชื้อ
โรคไม่ติดเชื้อที่พบได้บ่อยในผู้ใหญ่ และเด็กก็เป็นได้มีหลายโรคไม่แพ้กันค่ะ ไม่ว่าจะเป็น โรคมะเร็งชนิดต่างๆ โรคหัวใจ โรคไมเกรน ฯลฯ แต่โรคที่มักจะพบได้บ่อยในเด็กเล็กทั่วโลกคือโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวจะพบได้บ่อยเป็นอันดับแรกกว่ามะเร็งชนิดอื่นที่ เกิดขึ้นกับเจ้าตัวเล็ก โดยจะมีอาการไข้ ซีด ตับโต ต่อมน้ำเหลืองโต บางคนจะอ่อนเพลีย มีจุดเลือดออกตามตัว หรือว่ามีเลือดออกผิดปกติร่วมด้วย
การรักษา ส่วนมากจะรักษาด้วยการใช้ยาเคมีบำบัด หรือใช้รังสีรักษาในบางระยะของโรค
วิธีสังเกตอาการเบื้องต้น คุณแม่ต้องคอยสำรวจดูค่ะว่าเจ้าตัวเล็กนั้นมีต่อมน้ำเหลืองโตหรือไม่ ตรงบริเวณช่องท้อง คอ หรือส่วนอื่นๆ ของร่างกาย หรือว่ามีปัญหาในเรื่องอาการซีดเฉียบพลัน เลือดออกผิดปกติบ้างหรือไม่ ถ้ามีอาการใดอาการหนึ่งอย่าปล่อยไว้นะคะ รีบพามาตรวจเช็ก เพราะโรคนี้ถ้าพบความผิดปกติเร็วเท่าไร โอกาสรักษาหายมีมากเท่านั้น
การรักษาบางโรคอาจจะทำได้ยากกว่าการป้องกันนะคะ เพราะฉะนั้นก่อนที่โรคต่างๆ จะเกิดขึ้น คุณพ่อคุณแม่และเจ้าตัวเล็กควรดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีที่สุด ตรวจสุขภาพ และฉีดวัคซีน จะทำให้โรคผู้ใหญ่ไม่แผ้วพานเด็ก และโรคของเด็กก็ไม่ไปทำให้ผู้ใหญ่ป่วยด้วยค่ะ