เด็กแก้มแดงเป็นเด็กที่ดูน่ารักนะคะ แม่แอดมินเห็นเด็ก ๆ แก้มแดงก็ชอบ แต่บางทีแก้มแดงมันไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไปก็ได้ค่ะ เรามาดูกันดีกว่าว่า แก้มแดง ๆ ของลูกเนี่ยมีผลอย่างไรบ้าง?
1.เกิดจากสารระคายเคือง เช่น น้ำลาย, สารเคมี, ผงซักฟอก, น้ำหอม, แป้ง, โลชั่น หรือสารก่อภูมิแพ้ที่ปนอยู่ในสิ่งที่ลูกน้อยสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เช่น นมวัว ไข่ ถั่วเหลือง แป้งสาลี ก็พบได้บ่อยเช่นกัน
2.อากาศ
1.ควรเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดา โดยเช็ดย้อนขึ้นจากปลายมือไปยังต้นแขนและลำตัว จากปลายเท้าไปสู่ต้นขา และนำผ้าชุบน้ำไปวางไว้บริเวณหน้าผาก ซอกคอ ใต้รักแร้ และขาหนีบ เพื่อระบายความร้อน แต่การเช็ดตัวจะช่วยให้อุณหภูมิลดลงเพียงชั่วคราวเท่านั้นและอาจต้องเช็ดตัวใหม่อีกครั้ง โดยห้ามให้เด็กอาบน้ำเย็น และไม่ใช้แอลกอฮอล์ถูผิวหนังเด็กเพราะอาจซึมผ่านเข้าสู่ร่างกายจนเป็นอันตรายได้
2.ให้เด็กดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและช่วยให้อุณหภูมิร่างกายลดลง รวมทั้งหมั่นเฝ้าระวังอาการของภาวะขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ไม่มีน้ำตา ปัสสาวะน้อยลง เป็นต้น หากเด็กดื่มน้ำเพียงพอแล้วหรือไม่รู้สึกอยากอาหาร พ่อแม่ไม่ควรบังคับให้เด็กกินและไม่ต้องวิตกกังวลจนเกินไป เพราะอาจเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ตามปกติ
3.หากอาเจียนหรือท้องเสีย สอบถามแพทย์เกี่ยวกับการใช้เกลือแร่สำหรับเด็กโดยเฉพาะ และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มเกลือแร่ที่ใช้ทดแทนการเสียเหงื่อจากการออกกำลังกาย เพราะมีส่วนผสมของน้ำตาลและอาจทำให้อาการท้องเสียแย่ลง
4.อย่าให้เด็กสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาหรืออึดอัดเกินไป โดยเฉพาะในระหว่างนอนหลับ
5.หากเด็กมีอาการหนาวสั่น ควรให้ห่มผ้าหนา ๆ เมื่อไข้ลดลงให้นำผ้าที่ห่มออก
6.หมั่นสังเกตอาการผิดปกติของเด็กในระหว่างที่เด็กนอน หากเด็กดูไม่สบายตัว พ่อแม่อาจให้รับประทานยาลดไข้อย่างพาราเซตามอล โดยปฏิบัติตามคำเตือนและวิธีการใช้ยาอย่างระมัดระวัง (ห้ามให้เด็กที่มีอายุไม่ถึง 2 เดือนใช้ยาใดๆ โดยไม่ปรึกษาแพทย์ และ ห้ามให้เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้ยาแอสไพริน)
แต่ถ้ายังมีอาการตัวร้อน ไข้ไม่ลดและแสดงอาการผิดปกติมากขึ้นคุณแม่ควรพาเด็กไปพบแพทย์ในทันทีจะดีกว่าเนื่องจากเด็กยังมีภูมิคุ้มกันร่างกายไม่แข็งแรงพอที่จะต่อสู้กับโรคภัย แต่ถ้าคุณแม่หาวิธีป้องกันหรือดูแลเรื่องสุขภาพอย่างถูกวิธี ก็อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อเจ้าตัวน้อยได้เช่นกันค่ะ