ในช่วงนี้หลายโรงเรียนปิดการเรียนการสอน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กเสี่ยงกับการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าที่กำลังระบาดในหลายประเทศทั่วโลก โดยหลายโรงเรียนก็ได้ปิดเทอมก่อนกำหนดไปแล้ว ช่วงเดือนนี้เด็กส่วนใหญ่ก็จะอยู่บ้าน ไม่ได้ไปโรงเรียน แล้วจะดูแลเด็กอย่างไรดี เรามีมาฝากค่ะ
วิธีดูแลเด็ก ๆ ในช่วงอยู่บ้านให้ปลอดภัยจากโควิค-19
- สอนลูกให้ดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี ปิดปากและจมูกขณะไอหรือจาม และสอนลูกให้ไอหรือจามอย่างถูกวิธี ด้วยการไอหรือจามใส่ข้อพับแขนด้านในหรือบนกระดาษทิชชู แล้วล้างมือให้สะอาด
- ดูแลสุขอนามัยในบ้านให้ดี ใช้เวลาอยู่บ้านให้เกิดประโยชน์ เพื่อป้องกันโควิด-19 ให้ไกลตัวให้มากที่สุด โดยการชวนลูกทำความสะอาดบ้าน จัดบ้านให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดี มีอากาศถ่ายเทสะดวก สะอาด ห่างไกลเชื้อโรคเพื่อป้องกันโควิด-19 การจัดบ้านให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดี มีอากาศถ่ายเทสะดวก สะอาด ก็จะช่วยให้เชื้อโรคหายไปได้เร็วขึ้น เพราะเด็กภูมิต้านทานยังไม่แข็งแรงเท่าผู้ใหญ่ การจัดสภาพแวดล้อมที่ดีก็ดูจะเป็นการป้องกันที่ต้นเหตุได้อย่างเห็นผลเช่นกัน
- สอนลูกเรื่องการดูแลตัวเองแบบง่ายๆ "กินร้อน ช้อนเรา ล้างมือ" สอนให้ลูกทานอาหารปรุงสุก สดใหม่ ไม่ทานอาหารดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ โดยใช้ช้อนกลาง และฝึกให้ลูกล้างมือบ่อยๆ ให้เป็นนิสัย ล้างด้วยน้ำสบู่ เป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาที โดยเฉพาะก่อนสัมผัสใบหน้า ตา จมูก ปาก ก่อนทานอาหาร และหลังจากเข้าห้องน้ำ
- หลีกเลี่ยงการพาเด็กๆ ไปสถานที่ชุมชนคนเยอะ วิธีนี้แม้จะทำได้ยาก แต่ก็ควรทำอย่างยิ่ง เพราะเป็นการลดความเสี่ยงจากโรคโควิด-19 แบบง่ายๆ ด้วยการหลีกเลี่ยงไปสถานที่คนเยอะๆ หรือถ้าจำเป็นต้องพาลูกไปจริงๆ ก็ควรป้องกันโดยการให้สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะการเดินระหว่างผู้อื่น ทั้งหน้าและหลัง เลือกที่นั่งให้ห่างจากผู้อื่น ไม่อยู่ใกล้ชิด โดยอย่างน้อยควรห่าง 2 เมตรขึ้นไป
หากต้องการจะพาบุตรหลานไปเที่ยว ควรเลือกสถานที่โปร่งๆ อากาศดีๆ เช่นสวนสาธารณะ ทะเล ฯลฯ นอกจากจะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ปอดแล้ว ยังได้เห็นวิวสวยๆ พักผ่อนหย่อนใจไปด้วย มากกว่าการไปที่ที่ไม่มีอากาศถ่ายเท
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วผู้ปกครองหลาย ๆ ท่านก็ไม่ต้องหวั่นใจไป เพราะเราสามารถป้องกันและลดโอกาสเสี่ยงที่เด็ก ๆ จะเป็นโรคโควิด-19 ได้ เป็นห่วงสุขภาพของเด็ก ๆ ทุกคนและทุกครอบครัว ขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพของคุณและคนที่คุณรักให้ดี และเราจะผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกันนะคะ
อย่าลืมสังเกตตัวเอง และคนในครอบครัวนะคะ หากท่านใดในครอบครัวเป็นกลุ่มเสี่ยง และมีอาการมีไข้สูงมากกว่า 37.5องศา, ไอ เจ็บคอ, น้ำมูกไหล, หายใจเหนื่อยหอบ หายใจลำบาก ควรรีบมาพบแพทย์ด่วนค่ะ