ล่าสุดมีคุณแม่ข้อความมาหาในเพจ รักลูกคลับ ของเราค่ะ ว่า ลูกกลัวโควิดมากเลยค่ะ ทำไงดี? วันนี้เรามีวิธีการพูดกับลูก เพื่อช่วยให้สภาพจิตใจของลูกดีขึ้น ไม่กลัวโรคนี้จนเกินไป และรับมือกับสถานการณ์ของโควิดในปัจจุบันได้ค่ะ
- คุยกับลูกว่าได้ยินอะไรมาบ้าง ที่สำคัญตั้งใจฟังเพื่อรู้ให้ชัดว่าลูกรู้อะไรผิดมาหรือไม่ หรือที่ได้ยินคือข่าวลือเท่านั้น ฟังแล้วค่อยๆ อธิบายความจริง เพราะสถานการณ์อย่างนี้ข่าวลือเยอะ ความจริงที่ต้องบอก เช่น เป็นเชื้อโรคที่ติดต่อกันง่าย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ตาย เป็นต้น
- ต้องย้ำกับเด็ก ๆ ว่าเขาจะโตขึ้นอย่างปลอดภัย ผู้ใหญ่จะพยายามดูแล ป้องกันไม่ให้เจ้าเชื้อโรคร้ายระบาดหนักกว่านี้
ถ้าเจอคำถามของเด็กแล้วตอบไม่ได้ คำตอบที่ควรตอบคือ เป็นคำถามที่ดีมากลูก แต่พ่อแม่เองยังไม่มีข้อมูลตอนนี้ แต่จะหาคำตอบมาบอกให้นะ จำไว้ว่าตอบเมื่อมีข้อมูลจริงและถูกต้อง คือสิ่งที่ดีที่สุด
- ปิดทีวีไปเลย โดยเฉพาะสำหรับเด็กอายุน้อยกว่า 10 ขวบ เพราะข่าวสารต่างๆ อาจทำให้เด็กกลัวมากเกินไป
- สอนเรื่องการทำความสะอาด ล้างมือ และอย่าใช้มือแตะ จับ ใบหน้า ซึ่งเป็นกิริยาที่เคยชินยากที่จะเลิกได้ สิ่งที่ต้องคือต้องช่วยกันเตือน ให้คำแนะนำ ส่งกำลังใจให้ละเลิกให้ได้
- เติมพลังเด็ก ๆ มีผลวิจัยพบว่าถ้าเรารู้สึกเศร้า หรือรู้สึกอยากช่วยให้เรื่องต่างๆ ดีขึ้น จะทำให้เราอยากลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่าง เพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น กรณีนี้เราอาจชวนเด็กๆ บริจาคของเล่น เงินให้การกุศลก็ได้
- เด็กมีความกังวลว่าคุณอาจติดเชื้อโรคและตายได้ เรื่องนี้บอกย้ำไปเลยว่า พ่อแม่อยากให้ลูกรู้ว่า พ่อแม่ดูแลตัวเองอย่างดี และจะอยู่กับลูกจนแก่ เป็นปู่ย่าตายาย เพราะลูกจะเติบโต แต่งงาน และมีลูกหลานในอนาคตแน่นอน
ความกังวลของเด็กจะแสดงออก เช่น คิดแง่ลบ ทางแก้คือ หาเรื่องขำๆ สนุกๆ ทำด้วยกัน เพราะการหัวเราะ ทำให้เคมีในร่างกายดีขึ้น ลดฮอร์โมนความเครียด และนี่คือหนทางทำให้ความกลัวของเด็กคลี่คลายลงได้
- ข้อสำคัญข้อนี้คือ ขจัดความกลัวออกจากความรู้สึกของคุณก่อนที่จะคุยกับลูก ซึ่งความกลัวจะหายไป ถ้าคุณเองมีข้อมูลที่ถูกต้อง ดังนั้นเลือกอ่านข่าวสารจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือไว้ก่อนดีที่สุด
- ใช้เวลาด้วยกันอย่างมีความสุข หลายโรงเรียนต้องปิดชั่วคราว เพื่อทำความสะอาดครั้งใหญ่ ป้องกันโรคแพร่ระบาด และนี่คือโอกาสอยู่ใกล้ชิดกันในครอบครัว หากิจกรรมสนุก และที่ชอบทำด้วยกัน แค่นี้ก็ทำให้ครอบครัวอบอุ่น มีความสุข เป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดในช่วงนี้
ที่มา : World Economic Forum