งูสวัดไวรัสเดียวกับอีสุกอีใส
งูสวัด (Shingles; Herpes zoster) เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า Varicella Zoster Virus (VZV) เป็นไวรัสชนิดเดียวกับเชื้อก่อโรคอีสุกอีใส ซึ่งแพร่กระจายโดยการสัมผัสโดยตรง เช่น การสัมผัสกับแผลของผู้ป่วย โดยเด็กที่ได้รับเชื้อนี้ครั้งแรกจะเกิดโรคอีสุกอีใสค่ะ และเมื่อหายจากโรค เชื้อนี้ก็ยังคงแฝงอยู่ในปมประสาท จนเมื่อเมื่อเด็กที่เคยติดเชื้อมีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลง เช่น การเจ็บป่วยหรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง เชื้อไวรัสนี้ก็จะถูกกระตุ้นให้ออกมาจากปมประสาท มาก่อโรคบริเวณผิวหนัง โดยจะเกิดเป็นตุ่มน้ำใส มีอาการปวดแสบปวดร้อน ซึ่งตุ่มน้ำใสนี้จะคงอยู่ประมาณ 5 วัน จากนั้นจะตกสะเก็ดและหายไปภายใน 2-3 สัปดาห์
เด็กเล็กมักติดหลังคลอด
จะเป็นโรคงูสวัดได้ ก็ต้องเป็นอีสุกอีใสก่อนค่ะ ซึ่งเด็กเล็กส่วนใหญ่มีโอกาสเป็นอีสุกอีใสได้มากกว่างูสวัด แต่เท่าที่เคยพบงูสวัดในเด็กเล็กๆ มักจะติดมาจากแม่ที่เป็นอีสุกอีใสตอนตั้งครรภ์ ซึ่งจะติดในเดือนหลังๆ ก่อนคลอดถ้าเด็กติดอีสุกอีใสจากแม่ใน 5 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ จะทำให้เด็กส่วนใหญ่ที่เกิดออกมามีความผิดปกติที่เรียกว่า คอนเจนนิทัลแวริเซลลา ซินโดร์ม (congenital varicella syndrome) โดยอาจมีความผิดปกติที่ผิวหนังหรือมีผื่นผิวหนังแบบงูสวัด
ความรุนแรง
ถ้าเด็กมีร่างกายแข็งแรงปกติดีอยู่แล้ว ไม่มีโรคประจำตัว อาการงูสวัดจะไม่รุนแรง แต่หากเด็กมีโรคประจำตัว เช่น ภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง หรือมีโรคประจำตัว อย่างเช่น เป็นโรคเลือด หรือมีเนื้อร้าย โดยเฉพาะถ้าได้รับยากดภูมิคุ้มกันก็มีโอกาสเป็นงูสวัดที่รุนแรงได้
อาการที่พบ
ผู้ป่วยจะมีตุ่มใสๆ ขึ้นกระจายเป็นกลุ่มๆ ตามแนวของเส้นประสาทรับสัมผัส ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะเป็นแค่ด้านใดด้านหนึ่งของลำตัวโดยอาจจะมีอาการปวดหรือคันในบริเวณนั้นก่อนระยะเวลาที่จะเป็นตุ่มใสอยู่ประมาณ 3-5 วัน และหายได้ภายใน 1-2 อาทิตย์ค่ะ
แพร่เชื้อผ่านสัมผัส
การแพร่เชื้อของโรคงูสวัด โดยหลักใหญ่จะผ่านทางการสัมผัสโดยตรง เนื่องจากเชื้อไวรัสจะอยู่ที่ตุ่มใส ส่วนการแพร่เชื้อโดยการฟุ้งกระจานทางอากาศ มีโอกาสเป็นไปได้ค่ะแต่น้อย และถ้าหากผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสงูสวัดมีภูมิคุ้มกันร่างกายบกพร่องอยู่แล้ว อาจจะทำให้ผู้ป่วยมีตุ่มใสขึ้นเยอะ และยังมีโอกาสแพร่กระจายเชื้อโรคได้มากยิ่งขึ้น ทำให้ยิ่งต้องระมัดระวังการติดเชื้อโดยการฟุ้งกระจายในอากาศด้วยค่ะ สำหรับระยะเวลาที่ผู้ป่วยจะสามารถแพร่เชื้อได้นั้น จะเริ่มได้ตั้งแต่เมื่อผู้ป่วยเริ่มมีตุ่มใสขึ้นค่ะ
เด็กที่ไปสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยงูสวัด ไม่ได้หมายความว่า เด็กทุกคนจะเป็นงูสวัดนะคะ ดังที่กล่าวแล้วว่า โรคงูสวัดเกิดจากเชื้อไวรัสอีสุกอีใสที่แฝงตัวในร่างกายอยู่แล้ว เลยถูกกระตุ้นขึ้นมา ดังนั้น ถ้าเด็กที่ไม่เคยเป็นอีสุกอีใสเลยหรือไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันเชื้ออีสุกอีใสแล้วไปสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยงูสวัด ถ้าเกิดมีการติดเชื้อ (ซึ่งถือเป็นการติดเชื้อครั้งแรก) จะแสดงอาการเป็นโรคอีสุกอีใสค่ะ ถ้าเด็กที่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อนแล้ว โดยเฉพาะถ้าภายในระยะเวลาก่อนหน้าไม่นาน ระดับภูมิคุ้มกันจะยังมีอยู่ในร่างกาย เด็กก็จะไม่ติดเชื้อไวรัสนี้ค่ะ
อาการแทรกซ้อนของงูสวัด
สำหรับผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันปกติ อาจมีผลแทรกซ้อนต่อระบบประสาท ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของปมประสาทด้วย เช่น หากตุ่มใสขึ้นในบริเวณของเส้นประสาทที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับประสาทตาและการมองเห็นก็อาจทำให้มีความผิดปกติที่ดวงตาได้ ส่วนในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ก็จะมีอาการแทรกซ้อนจากเชื้อไวรัสงูสวัดได้รุนแรงกว่าค่ะ ทั้งอาการแสดงทางผิวหนัง และอาการทางระบบอื่น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เชื้อเข้าสู่กระแสเลือดและกระจายไปตามระบบอื่นๆ ในร่างกาย ก่อให้เกิดการอักเสบ หรือการทำงานผิดปกติของระบบอื่นๆ ในร่างกายด้วย เช่น ปอด ตับ สมอง หรือระบบการแข็งตัวของเลือด เป็นต้น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สำหรับในเด็กจะพบอาการแทรกซ้อนต่างๆ เหล่านี้ได้น้อยกว่าผู้ใหญ่มากค่ะ
วิธีรักษา
ถ้าลูกน้อยเป็นโรคนี้แล้ว ต้องดูแลเรื่องความสะอาดเป็นหลัก ให้ยาลดไข้ในกลุ่มพาราเซตามอลได้ และรีบพาไปพบคุณหมอโดยเร็ว ซึ่งนอกจากวิธีการรักษาตามอาการแล้ว ในบางรายที่คุณหมอพิจารณาว่าอาจมีอาการรุนแรงเกิดขึ้นได้ อย่างเช่น ลูกมีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือมีโรคประจำตัวอยู่คุณหมออาจจะพิจารณาให้ยาต้านเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่รักษาอีสุกอีใสค่ะ
อีกประเด็นที่สำคัญก็คือ การแยกเด็ก เพื่อลดการแพร่เชื้อสู่เด็กคนอื่นค่ะ ถึงแม้โอกาสแพร่เชื้อจะน้อยกว่าอีสุกอีใสก็ตามแต่ก็ไม่ควรมองข้ามค่ะ ควรให้ลูกหยุดเรียนและพ่อแม่ควรงดการพาลูกไปในสถานที่ที่มีคนมากๆ ด้วยค่ะ
การป้องกัน
งูสวัด ป้องกันได้ เริ่มจากป้องกันไม่ให้เป็นอีสุกอีใสก่อน ได้แก่
- ไม่ให้ลูกไปสัมผัสหรือคลุกคลีกับเด็กที่เป็นอีสุกอีใส
- ฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใส โดยเข็มแรกฉีดเมื่อเด็กอายุ 1 ปี และเข็มที่ 2 เมื่ออายุ 4-6 ปี (ส่วนวัคซีนป้องกันงูสวัดนั้นจะฉีดให้กับผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ไม่ว่าจะมีประวัติเคยเป็นอีสุกอีใสหรือไม่ก็ตาม)