Phenomenon Based Learning หลักสูตรฟินแลนด์ ชูศักยภาพเด็ก “เจ้าโปรเจ็ก” ผ่านการลงมือและร่วมมือ
Phenomenon Based Learning หลักสูตรฟินแลนด์ ชูศักยภาพเด็ก “เจ้าโปรเจ็ก” ผ่านการลงมือและร่วมมือ
การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของเด็ก ไม่จำกัดอยู่แค่ในตำราอีกต่อไป เพราะสิ่งสำคัญในการเรียนรู้เพื่อเติบโตในโลก คือ “ความคิดวิเคราะห์และทักษะชีวิต” ซึ่งเราสามารถปลูกฝังและเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้แสดงออกทั้งทางความคิด การสื่อสาร และการเปิดรับ นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไม Thai International School นำ Phenomenon Based Learning หลักสูตรจากประเทศฟินแลนด์ ที่มีระบบการศึกษาดีติดอันดับต้น ๆ ของโลกมาปรับให้สอดคล้องกับโรงเรียนและการเรียนรู้ของเด็กไทยได้อย่างลงตัว
ทีมงานรักลูก มีโอกาสได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญหลักสูตร Phenomenon Based Learning ครูผู้สอน และผู้บริหารโรงเรียนถึงที่มาของหลักสูตร ผลสำเร็จของหลักสูตร และความเข้าใจของพ่อแม่ที่มีต่อหลักสูตรนี้ ซึ่งเป็นแนวทางการศึกษาที่น่าสนใจมาก สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาโรงเรียนที่มีหลักสูตรในการเปิดพื้นที่ให้บุตรหลานของท่านได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ในแบบตัวเอง
Dr. Sari Muhonen ผู้เชี่ยวชาญหลักสูตร Phenomenon Based Learningเป็นผู้ที่เข้ามามีส่วนสำคัญในการพัฒนาและปรับใช้หลักสูตรนี้ให้กับคุณครู โดย Dr. Sari ให้มุมมองไว้อย่างน่าสนใจค่ะ
Phenomenon Based Learning มีหลากหลายวิธี ซึ่งสิ่งสำคัญคือ ครูจะต้องเข้าใจคอนเซปต์ให้ได้ก่อน นั่นคือ เด็ก ๆ จะต้องตั้งตัวเป็นเจ้าของโครงการ (Project) ได้ด้วยตัวเอง และมีส่วนร่วมในการเรียนรู้อย่างเต็มที่ (Engagement) ซึ่งในระหว่างนั้นก็จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า ความร่วมมือ(Collaboration) การคิดวิเคราะห์(Critical Thinking) ความคิดสร้างสรรค์(Creativity) และการใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสม
ความร่วมมือถือว่าสำคัญมากสำหรับการเรียนรู้นี้ (Collaboration) เมื่อเด็ก ๆ ตั้งโจทย์ขึ้นมา (Phenomenon) จะมีคำถามเกิดขึ้นระหว่างกัน ทำไม อะไร อย่างไร เธอสงสัยเหมือนกันไหม งั้นมาหาคำตอบกัน ความร่วมมือจึงเกิดขึ้นและนำไปสู่การเรียนรู้ที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ความสนุกและความสนใจที่จะค้นหาคำตอบ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมากพบว่า เมื่อเราวางโครงสร้างและกรอบการเรียนรู้ให้กับครูได้ชัดเจนแล้ว ก็จะนำไปสู่การปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของแต่ละประเทศ และวิธีการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคนที่จะไม่เหมือนกัน จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายและสนุกมากว่า ครูและนักเรียนจะสร้างโจทย์แบบไหนขึ้นมาก็ได้ มีความยืดหยุ่นมากพอที่เด็กจะสนใจอยากลงมือทำ และเห็นความเชื่อมโยงของทุกวิชาว่า สามารถนำไปสู่คำตอบและการเรียนรู้เรื่องเดียวกันได้ โดยไม่ต้องท่องตำราและเน้นเรื่องความเข้าใจเป็นสำคัญ
Dr. Sari เป็นผู้นำอบรมและร่วมพัฒนาหลักสูตร Phenomenon ในปี 2022 นับว่าเป็นปีที่ 3 แล้วที่เห็นได้ชัดว่า การเรียนรู้แบบที่เด็กสามารถออกแบบการเรียนรู้ของตัวเองได้ สามารถดึงศักยภาพของเขาออกมาได้อย่างเต็มที่ เด็ก ๆ จะมีความสุขและสนุกในการทำงาน
Mr. Gerald E. Schoen อาจารย์ใหญ่ของ Thai International School เป็นหนึ่งในผู้เข้ารับการอบรมของหลักสูตร Phenomenon Based Learning และเห็นถึงประโยชน์ที่มุ่งเน้นไปที่ตัวเด็กเป็นสำคัญ
การเรียนรู้โครงสร้าง (Structure) และ แนวทาง (Wireframe) จาก Dr. Sari ถือได้ว่าเป็นการปูพื้นฐานที่แข็งแรงให้ครู เพื่อนำไปปรับใช้ให้เหมาะสม โดยเฉพาะการเรียนรู้แบบ Hands-on ที่จะต้องเปิดโอกาสให้เด็กได้ลงมือทำร่วมกัน
ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ใช้ Phenomenon Based Learning พบว่าเด็ก ๆ ตื่นตัวมาก และได้สื่อสารความสำเร็จของเด็ก ๆ ผ่านจดหมายข่าวรายสัปดาห์ไปถึงผู้ปกครอง เพื่อให้ทราบว่าตอนนี้เด็ก ๆ เรียนรู้อะไร แบบไหน แล้วได้ผลสำเร็จอะไร ซึ่งไม่ใช่แค่ทำให้พ่อแม่เห็นศักยภาพในตัวลูกเท่านั้น แต่ยังเป็นการสื่อสารแนวคิดของหลักสูตรนี้มากขึ้นด้วย
โรงเรียนมีเป้าหมายว่า หลักสูตรนี้จะทำให้เด็ก ๆ เติบโตอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ รู้จักคิดเชิงวิเคราะห์ และสามารถปรับใช้สิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในชีวิตจริงได้ในหลาย ๆ สถานการณ์
Mr. Maksymilian Alan Crawford รองอาจารย์ใหญ่ และเป็นหนึ่งในครูที่มีการปรับใช้ Phenomenon Based Learningในการเรียนของเด็กๆ กล่าวถึงผลสำเร็จของการเรียนรู้ที่เห็นผลได้อย่างชัดเจนถึงระดับชุมชน (Community) ที่ทุกคนได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
การเรียนของเด็กเริ่มต้นจากการเปิดโอกาสให้เขาได้คิด และตั้งโจทย์ในเรื่องที่มีความสนใจ จากนั้นครูจะทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำ ชักชวนให้ตั้งคำถามและหาวิธีให้ได้คำตอบเพื่อนำมาเสนอ กระบวนการทำงานเป็นโครงการ (Project) เทอมละ 1 โครงการ เพื่อให้เด็กมีเวลาเรียนรู้อย่างเต็มที่จากทุกวิชา เพื่อนำมาประกอบกันเป็นองค์ความรู้ในการหาคำตอบและผลการทำงานตามโครงการที่ตั้งขึ้น ทั้งนี้ทางโรงเรียนได้จัดเวทีในการนำเสนอผลงานของนักเรียน ในชื่อ Phenomenon Based Learning Fair พร้อมเชิญผู้ปกครองเข้าร่วมชมการแสดงศักยภาพของเด็ก ๆ ตามกำหนดแผนงานด้วย
ก่อนหน้านี้เคยมีผู้ปกครองเข้าใจว่า ลูกยังเล็กมากคงไม่สามารถตั้งโจทย์หรือสร้างโปรเจ็คของตัวเองได้ แต่จริง ๆ แล้วเด็ก ๆ ทำได้ดีกว่านั้นมาก แต่อาจจะเป็นเพราะความห่วง เราจึงประเมินความสามารถของเขาน้อยไป เพราะจริง ๆ แล้ว ความคิดสร้างสรรค์ การตั้งคำถามของเขาไปไกลและเก่งกว่าที่ผู้ปกครองคิด จึงเป็นที่มาว่าทำไมงานแฟร์ถึงสำคัญ เพราะเป็นโอกาสที่พี่อแม่จะได้เข้าใจทั้งหลักสูตรและเห็นการเติบโตที่น่าทึ่งของเด็ก ๆ นั่นเอง
คุณชยพล หลีระพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน เป็นผู้ริเริ่มนำหลักสูตรPhenomenon Based Learning เข้ามาปรับใช้ในโรงเรียน โดยเล็งเห็นถึงประโยชน์และผลลัพธ์ของการเรียนรู้ที่จะสร้างคนคุณภาพในอนาคตได้เป็นอย่างดี
ฟินแลนด์เป็นประเทศที่มีระบบและผลการศึกษาติดอันดับต้น ๆ ของโลก และเด็ก ๆ มีความสุขกับการเรียนมาก จึงเป็นที่มาว่า เด็กควรได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองมีความสนใจและเสริมด้วยทักษะอื่น ๆ เข้าไป การเรียนรู้ต้องไม่ทำให้เด็กเบื่อและท้อ แต่ต้องทำให้เขาตื่นตัวตลอดเวลาเพราะเขาได้ลงมือทำด้วยตัวเอง
สิ่งที่น่าสนใจของPhenomenon Based Learning คือ เด็ก ๆ จะเห็นภาพรวมของการเรียนรู้ว่าทุกอย่างมีความเชื่อมโยงกันหมดจนเกิดเป็นการเรียนรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้นมา เช่น มีโจทย์เรื่องแมว เด็กแต่ละคนก็จะหามุมของแมวมาเป็นโจทย์ในการศึกษา ได้แก่ ขนแมว ลิ้นแมว เท้าแมว และแต่ละวิชาในช่วงนั้นจะต้องสอนเรื่องที่เชื่อมโยงกับแมว เช่น ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ เป็นต้น เมื่อเรียนรู้ร่วมกันก็จะเห็นว่าทุกอย่างคือเรื่องเดียวกัน คุณครูก็จะเป็นผู้แนะนำและกระตุ้นให้เด็กตั้งคำถาม ค้นหาคำตอบ แล้วนำมาเรียบเรียง เสนอแนวคิด และสรุปการทำงานด้วยตัวเอง
การใช้เทคโนโลยีกับ Phenomenon Based Learningจึงยังจำเป็น แต่ก็ต้องมีการจำกัดการใช้งานที่ชัดเจน เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ใช้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่สิ่งสำคัญคือ เขาต้องไปลงมือทำ ทดลอง ทดสอบ แล้วเห็นผลด้วยตัวเอง เมื่อการเรียนรู้เกิดขึ้นก็จะกลายเป็นการสื่อสาร ซึ่งเด็กๆ จะมีเรื่องเล่ามากมายไปเล่าให้เพื่อนฟัง เล่าให้ผู้ปกครองฟังว่าในแต่ละวันได้เรียนรู้อะไร โปรเจ็กของเรามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ผู้ปกครองเองก็จะเห็นการเติบโตทางความคิดของลูกชัดเจนมาก โดยพ่อแม่เองก็มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ของเขาด้วย เช่น รับฟังในสิ่งที่เขาคิด ช่วยแนะแนวทาง ช่วยหาอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ลูกได้ลงมือทำได้อย่างเด็กที่
Phenomenon Based Learning ของ Thai International School ถือว่าเป็นหลักสูตรการเรียนที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะในปัจจุบันที่โลกขับเคลื่อนด้วยความคิดสร้างสรรค์ การคิดวิเคราะห์ การหลุดออกจากกรอบเดิม ๆ ด้วยการสร้างคุณค่าใหม่ ๆ ขึ้นมา ดังนั้น Life Skills จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เด็กจำเป็นต้องมีติดตัวไว้ เพื่อนำไปปรับใช้กับทุก ๆ สถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่งค่ะ
ติดตามหลักสูตร Phenomenon Based Learning ได้ที่
https://www.facebook.com/Thaiinternationalschool
(พื้นที่เพื่อการโฆษณาและประชาสัมพันธ์)