5 วิธีสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูก 

1. ให้ลูกกินนมแม่ เพราะนมแม่ดีที่สุด ในนมแม่มีสารอาหารกว่า 200 ชนิด รวมถึงจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ เช่น LGG เด็กที่ได้รับนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 เดือน มีการศึกษาที่แสดงว่าเด็กจะมีโอกาสป่วยน้อยกว่าหรือได้รับความรุนแรงของโรคน้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่เลย

เนื่องจากในนมแม่มีสารอาหารที่ครบถ้วนรวมทั้งจุลินทรีย์ที่ดีๆ ซึ่งช่วยเสริมสร้างการทํางานของระบบต่างๆ ของร่างกาย ได้แก่ ระบบภูมิคุ้มกัน ลําไส้ หลอดเลือด ระบบประสาทและระบบต่อมไร้ท่อ ฮอร์โมนต่างๆ ฯลฯ ที่ควบคุมการเจริญเติบโต และกระบวนการเมตาบอลิซึมของร่างกาย ซึ่งมีอิทธิพลต่อสุขภาพของเด็กเมื่อเติบใหญ่³
 

 
 

2. ให้ลูกกินอาหารที่มีประโยชน์ เช่น หลังจากการให้นมแม่เพียงอย่างเดียวใน 6 เดือนแรก ให้เด็กได้รับอาหารเสริมตามวัยที่ครบ 5 หมู่ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นเพียงพอในการเจริญเติบโตและเสริมสร้างภูมิต้านทาน รวมทั้งจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ เช่นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ LGG และ Prebio 1 (พรีไบโอวัน)อาหารของจุลินทรีย์ ซึ่งคือใยอาหารที่มาจากธรรมชาติโอลิโกฟรุกโตสและอินนูลิน
 
งานวิจัยของดร.เชอร์วูด กอร์บาช และ ดร.แบร์รี่ โกลดิน แสดงให้เห็นว่า “จุลินทรีย์แล็กโทบาซิลลัส แรมโนซัส GG” (Lactobacillus rhamnosus GG) หรือ “LGG” เป็นจุลินทรีย์มีประโยชน์สายพันธุ์หนึ่งที่มีคุณสมบัติโดดเด่นเรื่องการกระตุ้นภูมิคุ้มกันปกป้องสุขภาพของลูกน้อย โดย จุลินทรีย์ LGG คือจุลินทรีย์ในน้ำนมแม่นั้นอาศัยอยู่ในลำไส้ของมนุษย์ ซึ่งทนต่อสภาวะกรดที่กระเพาะและสภาวะด่างที่ลำไส้เล็ก และสามารถเพิ่มจำนวนได้ดีที่ลำไส้ใหญ่
 
ทารกที่กินนมแม่จะได้รับจุลินทรีย์ LGG ที่มีอยู่ในน้ำนมแม่ ซึ่งจะคอยทำหน้าที่ปกป้องทางเดินอาหารของลูก โดยรักษาดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ เกาะจับผิวเยื่อบุลำไส้ และสื่อสารกับเซลล์เนื้อเยื่อน้ำเหลืองใต้เยื่อบุลำไส้ ให้สามารถรับอาหาร (tolerance) เมื่อมีอะไรแปลกปลอมเข้ามาก็จะตอบสนองโดยการสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาทำลาย หรือช่วยป้องกันลูกจากอาการท้องร่วงนั่นเอง
 
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่าเด็กที่ได้กินนมเสริม LGG ในระยะยาว มีอัตราการเกิดอาการท้องร่วงเมื่อติดเชื้อไวรัสโรต้าน้อยกว่าและที่สำคัญยังพบว่าการติดเชื้อทางเดินหายใจของเด็กที่ฝากเลี้ยงในสถานเลี้ยงเด็กกลางวันลดลงด้วย ซึ่งอาจเป็น ผลจากการกระตุ้นกลไกทางด้านภูมิคุ้มกันที่บริเวณเยื่อบุลำไส้ ส่งต่อไปยังระบบภูมิคุ้มกันที่ระบบทางเดินหายใจ⁴ อีกด้วย

และการกินนมหรืออาหารเสริมที่มีPrebio 1 (พรีไบโอวัน) จะเพิ่มใยอาหารธรรมชาติ ซึ่งเป็นอาหารจุลินทรีย์ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่ดี
 
3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอการออกกำลังกายช่วยให้ระบบไหลเวียนดีขึ้น เมื่อเลือดลมสูบฉีด ทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาว หมุนเวียนไปยังระบบต่างๆ ทั่วร่างกาย ทำหน้าที่ดักจับสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คุณพ่อคุณแม่อาจชวนลูกออกไปทำกิจกรรมที่เขาชอบ เช่น เด็กวัย 1-3 ปี อาจชวนไปเล่นกลางแจ้ง ไปเดินเล่นที่สนามเด็กเล่น วิ่ง เตะบอลกระโดดอยู่กับที่ ขี่จักรยานทรงตัว ลากรถของเล่น เป็นต้น ส่วนเด็กโตที่อยู่ในวัย 3-6 ปีสามารถทำกิจกรรมที่หลากหลายขึ้น และเคลื่อนไหวเร็วขึ้นกว่าเดิม เช่น ปั่นจักรยาน ปีนต้นไม้ ว่ายน้ำ วิ่งไล่จับ เตะบอล เป็นต้น
 
4. ให้ลูกฉีดวัคซีนป้องกันโรคเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย โดยเฉพาะการพาลูกไปรับวัคซีนตามวัยที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และวัคซีนทางเลือก (ถ้ารับค่าใช้จ่ายได้) จะช่วยลดโอกาสป่วยหรือลดความรุนแรงของโรคที่อาจเกิดกับลูกได้
 
5. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเด็กเล็กวัย 1-2 ปี ควรนอนวันละ 11-14 ชั่วโมง ขณะที่เด็ก 3-6 ปี ควรนอนหลับพักผ่อนวันละ 10-13 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกาย ได้ซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังหรืออวัยวะที่สึกหรอ หลั่งฮอร์โมนและสารต่างๆ และการนอนหลับจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมองและร่างกาย ขณะเดียวกัน ถ้าลูกอดนอน หรือนอนไม่เพียงพอ ยังส่งผลให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอด้วย